นายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐ ได้ยื่นข้อเสนอต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐบางส่วน หรือที่เรียกว่าชัตดาวน์ ในช่วงต้นเดือนธ.ค.นี้ โดยมีข้อเสนอ 2 ข้อด้วยกัน
วุฒิสมาชิกชูเมอร์ กล่าวว่า "หากปธน.ทรัมป์อยากสร้างความโกรธเคืองและปิดกระทรวงและหน่วยงานบางส่วนในช่วงคริสต์มาสแล้วก็เป็นสิ่งที่เขาทำได้ แต่ตอนนี้เขามี 2 ตัวเลือกที่ดีกว่าอยู่เบื้องหน้า"
นายชูเมอร์ เปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์อาจเห็นชอบที่จะลงนามในข้อตกลงระหว่างสองพรรคเพื่อจัดหางบประมาณให้กับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ซึ่งจะจัดสรรงบประมาณให้ราว 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อนำไปใช้ในเรื่องความมั่นคงชายแดน
นายชูเมอร์ กล่าวว่า "หากปธน.ทรัมป์ไม่ต้องการที่จะเห็นชอบต่อร่างกฎหมายนี้ เราก็ยังเลี่ยงไม่ให้เกิดการชัตดาวน์ได้ ด้วยการต่ออายุการใช้งบประมาณเดิมแก่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ"
เขากล่าวว่า "เราคิดว่าสิ่งนี้จะครอบคลุมตลอดทั้งปี ซึ่งจะยังทำให้ทางหน่วยงานยังทำงานได้ต่อไป ทั้งยังจัดสรรงบประมาณอีก 1.3 พันล้านดอลลาร์ในการรักษาความปลอดภัยตามชายแดนด้วย"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อช่วงต้นปีนี้ ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐได้ตกลงที่จะจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานรัฐบาลกลางส่วนใหญ่ในปี 2562 แต่งบประมาณในส่วนของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงต่างประเทศ และหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่น ๆ นั้นจะหมดอายุในวันที่ 7 ธ.ค.นี้
นอกจากนี้ นิตยสาร Politico รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาเต็มใจที่จะให้หน่วยงานรัฐบาลกลางต้องถูกปิดการดำเนินงาน อันเนื่องจากการขาดงบประมาณ ถ้าหากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก
อย่างไรก็ดี ในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล และยังคงสามารถสร้างกำแพงได้ ด้วยการขอความร่วมมือจากทางกองทัพ ซึ่งเขาได้ส่งกำลังทหารเข้าประจำการตามแนวชายแดนเม็กซิโก พร้อมกับการสร้างรั้ว และติดตั้งรั้วลวดหนาม
ทั้งนี้ สภาคองเกรสจะต้องให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณภายในวันที่ 7 ธ.ค.เพื่อเป็นงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งรวมถึงกระทรวงความมั่งคงมาตุภูมิ ซึ่งดูแลชายแดน และคนเข้าเมือง