นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐกล่าวว่า ตนยินดีที่จะปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องถูกปิดทำการ หรือ "ชัตดาวน์" เพื่อแลกกับความมั่นคงชายแดน ในระหว่างการหารือกับแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้พบหารือกับนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐของพรรคเดโมแครต และนางแนนซี เพโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครต เพื่อแสวงหาแนวทางป้องกันความเป็นไปได้ของการเกิดภาวะชัตดาวน์หน่วยงานสหรัฐที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ แต่นางเพโลซีระบุว่า การหารือกลับพลิกผัน เนื่องจากประเด็นเรื่องงบประมาณการก่อสร้างกำแพงกันระหว่างพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโกที่ทรัมป์เคยให้คำมั่นไว้
ปธน.สหรัฐได้กล่าวในช่วงเริ่มการประชุมว่า "การสร้างกำแพงจะต้องเกิดขึ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจะต้องดำเนิน ผมไม่อยากเห็นหน่วยงานรัฐถูกปิดหรือชัตดาวน์ เราจะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กำแพงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเรา" ก่อนที่จะกล่าวว่า "ผมยินดีที่จะปล่อยให้เกิดภาวะชัตดาวน์ขึ้นเพื่อแลกกับความมั่นคงชายแดน เนื่องจากผู้คนในประเทศนี้ไม่ต้องการให้อาชญากรและผู้คนที่มีปัญหา รวมถึงยาเสพติดทะลักเข้ามาในประเทศของเรา"
ปธน.ทรัมป์ได้ยื่นร่างงบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดน แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก โดยทรัมป์คาดหวังว่าจะได้รับคะแนนเสียงที่ต้องการในสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังต้องการมติเห็นชอบจากเดโมแครตอีก 10 เสียงในวุฒิสภา
ขณะที่นางเพโลซีตอบโต้คำกล่าวอ้างของทรัมป์ โดยกล่าวว่า "จะไม่มีการโหวตในสภาผู้แทนราษฎรหรือการโหวตเสียงข้างมากในการผ่านร่างงบประมาณสำหรับก่อสร้างกำแพง" นอกจากนี้เธอและนายชูเมอร์ยังเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐแสวงหาแนวทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐ หลังพ้นกำหนดเส้นตายร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันที่ 21 ธันวาคมนี้
ทั้งนี้ นายชูเมอร์กล่าวว่า "สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าเราควรจะเห็นพ้องร่วมกันคือเราไม่ควรปล่อยให้เกิดภาวะชัตดาวน์ขณะเกิดข้อพิพาท และปธน.ทรัมป์เองก็ต้องการให้เกิดการปิดหน่วยงานรัฐอยู่แล้ว" นอกจากนี้ยังเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวนอกทำเนียบขาวหลังการหารือด้วยว่า ใจความสำคัญคือหากทรัมป์ยังยึดติดอยู่กับร่างงบประมาณสร้างกำแพง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น "เขาจะไม่ได้ทั้งกำแพงและจะต้องเผชิญกับการปิดหน่วยงานรัฐด้วย"