ก.ต่างประเทศซาอุฯออกแถลงการณ์เมินวุฒิสภาสหรัฐชงเรื่องยุติการสนับสนุนกองทัพซาอุฯในเยเมน

สำนักข่าว Saudi Press Agency ของทางการซาอุดีอาระเบียรายงานว่า รัฐบาลซาอุดีอาระเบียไม่ยอมรับกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของวุฒิสภาสหรัฐที่มีต่อกรณีฆาตกรรมนายจามาล คาช็อกกี

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐได้จัดให้มีการลงมติเพื่อเปิดการพิจารณาเรื่องการยุติการให้การสนับสนุนกองทัพซาอุดีอาระเบียในเยเมน และกล่าวหาว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนายคาช็อกกี

กระทรวงต่างประเทศซาอุดีอาระเบียเปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า การกระทำของวุฒิสภาสหรัฐในครั้งนี้เกิดจาก "การด่วนสรุปและกล่าวหาโดยไม่มีมูล และเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของราชอาณาจักรอย่างชัดเจน อีกทั้งยังบั่นทอนบทบาทของซาอุดีอาระเบียทั้งในระดับภูมิภาคและนานาชาติ"

แถลงการณ์ระบุต่อไปว่า แม้การฆาตกรรมนายคาช็อกกีจะเป็นเหตุอาชญากรรมที่น่าสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงนโยบายของประเทศแต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี กระทรวงต่างประเทศซาอุดีอาระเบียได้ยืนยันว่า ซาอุดีอาระเบียยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับสหรัฐให้ดีขึ้นต่อไป

ทั้งนี้ นายคาช็อกกี เป็นคอลัมนิสต์ของสำนักข่าววอชิงตันโพสต์ และมักวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ได้หายตัวไปตั้งแต่เข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ กรุงอิสตัลบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยทางการซาอุฯ ได้ออกมาเปิดเผยหลังจากนั้นว่า นายคาช็อกกีได้เสียชีวิตจากเหตุ "ทะเลาะวิวาท" ในสถานกงสุลฯ ท่ามกลางข้อกังขาที่ว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย มีส่วนรู้เห็นกับการสังหารดังกล่าว ในขณะที่ทางการซาอุดีอาระเบียได้ออกมาปฏิเสธ

ต่อมา สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ซึ่งทำหน้าที่สืบสวนคดีดังกล่าว ได้มีข้อสรุปออกมาว่า มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้สั่งการให้สังหารนายคาช็อกกี ทำให้วุฒิสภาสหรัฐออกมาตอบโต้ด้วยการลงมติเพื่อเปิดการพิจารณาเกี่ยวกับการยุติการให้การสนับสนุนกองทัพซาอุดีอาระเบียในเยเมน

หากวุฒิสภาเห็นชอบผ่านร่างมติดังกล่าว จะถือเป็นความท้าทายต่อรัฐบาลของปธน.ทรัมป์ซึ่งกล่าวก่อนหน้านี้ว่าไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้สั่งการสังหารนายคาช็อกกี และไม่เต็มใจที่จะลงโทษซาอุดีอาระเบีย แม้หน่วยข่าวกรองของสหรัฐจะสรุปว่ามกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวก็ตาม