นายสตีเฟน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสประจำทำเนียบขาว ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างงบประมาณวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์สำหรับการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก มิเช่นนั้นรัฐบาลอาจจำเป็นต้องปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องถูกปิดทำการ หรือ "ชัตดาวน์" เพื่อแลกกับความมั่นคงชายแดน
นายมิลเลอร์ กล่าวว่า "เราจะดำเนินทุกวิถีทางที่จำเป็นในการสร้างกำแพงชายแดน เพื่อยุติวิกฤติผู้อพยพนี้" และเสริมว่า "หากถึงขั้นต้องทำเช่นนั้นแล้วก็ต้องยอมชัตดาวน์"
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งทำให้ประเด็นเรื่องการชัตดาวน์ถูกจับตาอีกครั้ง เพราะฝั่งทำเนียบขาวและสภาคองเกรสมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับงบประมาณดังกล่าว โดยทางสภาคองเกรสได้ยื่นข้อเสนอจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้ไม่เกิน 1.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับที่ทางทำเนียบขาวได้เสนอไว้ 5 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ งบประมาณส่วนที่สภาคองเกรสเสนอนั้น ไม่ได้เป็นการจัดสรรเพื่อสร้างกำแพงตามความประสงค์ของปธน.ทรัมป์ แต่เป็นงบประมาณปรับปรุงรั้วและยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยแนวชายแดน
นายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐ เปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์จะต้องตัดสินใจว่าจะปล่อยให้พนักงานของรัฐหลายพันคนต้องกลับบ้านมือเปล่าในช่วงเทศกาลวันหยุด หรือยังยืนกรานต้องสร้างกำแพง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังก่อนหน้านี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐกล่าวว่า ตนยินดีที่จะปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องถูกปิดทำการ หรือ "ชัตดาวน์" เพื่อแลกกับความมั่นคงชายแดน เนื่องจากผู้คนในประเทศนี้ไม่ต้องการให้อาชญากรและผู้คนที่มีปัญหา รวมถึงยาเสพติดทะลักเข้ามาในประเทศของเรา
ปธน.ทรัมป์ได้ยื่นร่างงบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดน แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก โดยทรัมป์คาดหวังว่าจะได้รับคะแนนเสียงที่ต้องการในสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังต้องการมติเห็นชอบจากเดโมแครตอีก 10 เสียงในวุฒิสภา
ขณะที่นางแนนซี เพโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครต ตอบโต้คำกล่าวอ้างของทรัมป์ โดยกล่าวว่า "จะไม่มีการโหวตในสภาผู้แทนราษฎรหรือการโหวตเสียงข้างมากในการผ่านร่างงบประมาณสำหรับก่อสร้างกำแพง" นอกจากนี้เธอและนายชูเมอร์ยังเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐแสวงหาแนวทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐ หลังพ้นกำหนดเส้นตายร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันที่ 21 ธันวาคมนี้
ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวจนต้องชัตดาวน์บางส่วนแล้ว หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐราวหนึ่งในสี่จะได้รับผลกระทบ ทั้งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตร กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงยุติธรรม รวมถึงอุทยานแห่งชาติต่างๆ