รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาเคลื่อนไหวต่อกรณีที่นายเจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยได้แสดงความคาดหวังว่า สหรัฐซึ่งเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงรายสำคัญจะให้ความร่วมมือใกล้ชิดกับญี่ปุ่นต่อไป
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ทวีตข้อความยืนยันว่า นายแมตทิสจะเกษียณอายุงานในช่วงปลายเดือนก.พ.ปีหน้า หลังจากที่ทำหน้าที่รัฐมนตรีกลาโหมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า การแต่งตั้งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่จะมีขึ้นในไม่ช้านี้
นายทาเคชิ อิวายะ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าวว่า "เราหวังว่ารัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่งต่อจากนายแมตทิสจะสานต่อนโยบายในการทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างแข็งแกร่งต่อไป" พร้อมระบุว่า เขารู้สึก "แปลกใจเล็กน้อย" ต่อการประกาศลาออกของนายแมตทิส
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายแมตทิสลาออกจากตำแหน่งในช่วงเวลาญี่ปุ่นจำเป็นต้องทำงานกับสหรัฐในการเจรจากับเกาหลีเหนือ ตามความพยายามของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ในการจัดการกับปัญหาในประเด็นที่ชาวญี่ปุ่นถูกลักพาตัวในเกาหลีเหนือในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ การประกาศลาออกของแมตทิสในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของเขากับปธน.ทรัมป์ที่ไม่ค่อยราบรื่นนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นที่ไม่ลงรอยกันของทั้งสองในเรื่องการถอนกำลังทหารออกจากซีเรีย เพราะนายแมตทิสเป็นผู้ริเริ่มให้มีการนำทหารสหรัฐเข้าไปประจำการในระยะยาวในซีเรีย ขณะที่ลินซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันซึ่งต่อต้านการตัดสินใจของทรัมป์ในการถอนทหารออกจากซีเรียนั้น กล่าวว่า นายแมตทิสเชื่อมั่นว่า ภารกิจในซีเรียยังไม่เสร็จสิ้น