นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อระงับแผนขึ้นเงินเดือนพนักงานรัฐบาลกลางสำหรับปีหน้า จากที่แต่เดิมนั้นพนักงานทุกคนจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 2.1% อย่างอัตโนมัติตามกฎหมายเดิม ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการทำร้ายความรู้สึกของพนักงานที่บางส่วนได้รับผลกระทบจากภาวะชัตดาวน์อยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี การระงับแผนขึ้นเงินเดือนดังกล่าวไม่รวมถึงบุคลากรกองทัพ ซึ่งได้รับงบประมาณคนละส่วนกัน โดยบุคลากรกองทัพจะยังคงได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 2.6%
ด้านสหภาพแรงงานได้ออกแถลงการณ์ว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการ "เอาเกลือไปขัดแผล" โดยพนักงานรัฐบาลที่เดือดร้อนจากภาวะชัตดาวน์อยู่แล้วยังคงถูกทำร้ายซ้ำ เพราะนอกจากจะไม่ได้รับค่าจ้างแล้ว ยังไม่ได้รับการขึ้นเงินเดือนอย่างที่สมควรได้รับด้วย
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้ประกาศแผนระงับขึ้นเงินเดือนพนักงานรัฐบาลทุกคนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนส.ค. โดยมองว่ารัฐบาลควรขึ้นเงินเดือนตามความสามารถในการทำงานของแต่ละบุคคลมากกว่า อย่างไรก็ดี แผนการดังกล่าวถูกคัดค้านอย่างรุนแรง ส่งผลให้ในเดือนต่อมาปธน.ทรัมป์ ให้คำมั่นว่าตนจะนำเรื่องนี้กลับไปศึกษาใหม่อีกครั้ง ทว่าดูเหมือนไม่มีความคืบหน้าในทางที่ดี
ภาวะชัตดาวน์ของสหรัฐดำเนินมาเกินสัปดาห์แล้ว หลังจากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสมีความเห็นไม่ลงรอยกันในการผ่านร่างงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก
สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐได้ประชุมร่วมกันเป็นเวลาสั้นเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ ก่อนที่จะเลื่อนการประชุมไปเป็นสัปดาห์นี้ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าทุกฝ่ายจะสามารถตกลงกันเรื่องการผ่านร่างงบประมาณสร้างกำแพง ส่งผลให้เกิดภาวะชัตดาวน์ในหน่วยงานบางส่วนของสหรัฐ
สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจะประชุมกันอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 31 ธ.ค. โดยจะเป็นการประชุมแบบ pro forma ซึ่งเป็นการประชุมย่อยเพียงไม่กี่นาที ก่อนจะเปิดการประชุมที่อาคารรัฐสภาในวันพุธที่ 2 ม.ค. เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับงบการสร้างกำแพง
อนึ่ง ปธน.ทรัมป์ได้ยื่นของบประมาณสำหรับก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นแคมเปญหาเสียงหลักของปธน.ทรัมป์ในปี 2559 แต่ทางฝั่งพรรคเดโมแครตยอมอนุมัติงบประมาณเพียง 1.3 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น โดยระบุว่า การสร้างกำแพงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการยกระดับการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน