สมาชิกรัฐสภาอังกฤษจะเริ่มต้นอภิปรายร่างข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ และจะปิดการอภิปรายในวันที่ 15 ม.ค. ก่อนที่จะมีการลงมติในวันดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตัดสินใจเลื่อนการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลงดังกล่าว จากเดิมที่มีกำหนดลงมติเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากวิตกว่าจะไม่ได้รับการอนุมัติจากสภา
ถึงแม้ร่างข้อตกลง Brexit ของนางเมย์ได้รับการยอมรับจากผู้นำสหภาพยุโรป (EU) แต่ร่างข้อตกลงดังกล่าวก็ได้สร้างความคลางแคลงใจต่อสมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษ แม้แต่ในพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเมย์เอง โดยมีประเด็นที่อ่อนไหวคือ การควบคุมชายแดนระหว่างสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งรวมตัวอยู่กับ EU ในขณะนี้ และไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร และจะต้องแยกตัวออกจาก EU ตามอังกฤษ
หากรัฐสภาอังกฤษคว่ำข้อตกลง Brexit ในการลงมติในสัปดาห์หน้า ก็จะทำให้อังกฤษเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเมือง โดยอาจส่งผลให้นางเมย์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และอาจต้องมีการยุบสภาสามัญชนเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU ขณะที่อังกฤษมีกำหนดแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค.
London First ซึ่งเป็นองค์กรของนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลในอังกฤษ เรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษจัดการลงประชามติครั้งใหม่ หากร่างข้อตกลง Brexit ไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา และไม่มีทางเลือกอื่นในการปลดล็อกจากภาวะชะงักงันดังกล่าว
ผลการสำรวจของ YouGov พบว่า ชาวอังกฤษที่ต้องการรวมตัวอยู่กับ EU มีจำนวนมากกว่าผู้ที่ต้องการแยกตัวจาก EU
YouGov ระบุว่า ผลการสำรวจพบว่า หากมีการลงประชามติในวันนี้ ชาวอังกฤษจำนวน 46% จะลงมติให้อังกฤษยังคงรวมตัวกับ EU ต่อไป เทียบกับชาวอังกฤษจำนวน 39% ที่ต้องการให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU ส่วนอีก 15% ระบุว่า ไม่ทราบ, ยังไม่ตัดสินใจ หรือปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น
หากไม่นับรวมกลุ่มตัวอย่างที่ตอบว่า ไม่ทราบ, ยังไม่ตัดสินใจ หรือปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น จะพบว่า ชาวอังกฤษจำนวน 54% จะลงมติให้อังกฤษยังคงรวมตัวกับ EU ต่อไป เทียบกับชาวอังกฤษจำนวน 46% ที่ต้องการให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU
ผลการลงประชามติในเดือนมิ.ย.2559 พบว่า ชาวอังกฤษจำนวน 48% ต้องการให้อังกฤษยังคงรวมตัวกับ EU ต่อไป ขณะที่ 52% ต้องการให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU