นายเจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐว่า กำลังจับพนักงานหลายแสนคนในหน่วยงานของรัฐบาลเป็นตัวประกัน ด้วยการดื้อดึงผลักดันงบประมาณสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก
นายอินสลีทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ว่า "ตอนนี้ พนักงานในหน่วยงานรัฐหลายแสนคน รวมถึงพนักงานที่เป็นชาววอชิงตันราว 13,000 คน ยังไม่ได้รับเงินเดือนจากการทำงาน เนื่องจากปธน.ทรัมป์ยังคงจับพวกเขาและครอบครัวไว้เป็นตัวประกัน เพื่อผลักดันงบประมาณสร้างกำแพงที่ไร้สาระ"
ข้อความบนทวิตเตอร์ระบุว่า "พนักงานเหล่านั้น ซึ่งมีหลายคนเป็นทหารผ่านศึกของประเทศ ต้องพยายามข่มตาหลับอีกครั้งในค่ำคืนนี้ โดยไม่รู้เลยว่าจะได้รับเงินเดือนครั้งถัดไปเมื่อไหร่ หรือจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเช่าบ้าน ขณะที่ผลกระทบจากการชัตดาวน์ครั้งนี้เริ่มปรากฎชัดออกมามากขึ้นทุกที"
นายอินสลียังวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่ปธน.ทรัมป์ ยืนกรานปฏิเสธที่จะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณที่ไม่รวมงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกว่า เป็นวาทะกรรมแห่งการทำลายล้าง ซึ่งจะทำให้การเจรจาต้องยากขึ้นไปทุกที
นายอินสลีกล่าวว่า "ความดื้อดึงในขณะที่เรายังต้องเผชิญภาวะชัตดาวน์อยู่นี้ แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ และการชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์นี้ก็ควรต้องยุติลงได้แล้ว"
ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันกล่าวต่อไปว่า "นักเรียนที่ยื่นคำร้องขอเงินช่วยเหลือกำลังรอการอนุมัติเพื่อนำเงินไปใช้ในการลงทะเบียนเรียนต่อ การจัดหาอาหารสำรองฉุกเฉินในระบบกักตุนอาหารก็กำลังจะถูกรบกวน อีกทั้งยังมีโอกาสที่บริการเรือข้ามฝากอาจต้องหยุดชะงักลง เพราะคาดว่าจะไม่ได้รับการการแจ้งเตือนความปลอดภัยจากหน่วยงานชายฝั่ง"
ทั้งนี้ สหรัฐต้องเข้าสู่ภาวะภาวะชัตดาวน์มาตั้งแต่พ้นเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 21 ธ.ค.2561 ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเที่ยงวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค. 2561 ตามเวลาไทย และยืดเยื้อมาจนถึงขณะนี้ซึ่งล่วงเข้าสู่วันที่ 22 แล้ว เนื่องจากปธน.ทรัมป์และสภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์