ทำเนียบขาวเปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้สนทนาผ่านทางโทรศัพท์กับนายเรเซป ตอยยิพ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี เมื่อวานนี้ ภายหลังจากที่เกิดการถกเถียงกันขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ
นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว ได้ระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้หารือกันหลายประเด็นในระดับทวิภาคี รวมไปถึงการถอนกองกำลังทหารสหรัฐออกจากซีเรีย
นางแซนเดอร์ส กล่าวเสริมว่า "ประธานาธิบดีสหรัฐต้องการที่จะทำงานร่วมกับตุรกี เพื่อขจัดความกังวลในเรื่องความมั่นคงของตุรกีในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย พร้อมกับเน้นย้ำถึงประเด็นที่สหรัฐให้ความสำคัญในเรื่องที่ว่า ตุรกีจะไม่โจมตีชาวเคิร์ดและกลุ่มกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย"
โฆษกทำเนียบขาว ยังเปิดเผยว่า นายโจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐ จะพบปะกับผู้แทนของตุรกีในวันนี้ เพื่อหารือกับตุรกีเกี่ยวกับประเด็นซีเรียต่อไป
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า สหรัฐจะทำลายล้างเศรษฐกิจของตุรกี หากมีการโจมตีประชาชนชาวเคิร์ด หลังการถอนกองทัพสหรัฐออกจากซีเรีย นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้แนะนำให้มีการสร้างเขตพื้นที่ปลอดภัยที่มีรัศมีกว่า 20 ไมล์ (32 กม.) ในซีเรียอีกด้วย
นายเมฟลุท คาวูโซกลู รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศตุรกี ได้ตอบโต้กับการข่มขู่ดังกล่าว โดยอ้างว่า "การข่มขู่ทางเศรษฐกิจกับตุรกีจะไม่เกิดผลใดๆ"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหรัฐและตุรกีได้ถกเถียงกันเกี่ยวกับประเด็นกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดในพื้นที่ทางตอนเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรของสหรัฐในการรณรงค์ต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) แต่ตุรกีมองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย