นายยุงเกอร์ กล่าวว่า "สหภาพยุโรปได้กล่าวเช่นนี้เมื่อเดือนพ.ย. และเดือนธ.ค. และเราก็พูดเช่นเดิมหลังจากที่มีการลงคะแนนครั้งสำคัญครั้งแรกในสภาสามัญชนของอังกฤษในเดือนม.ค. โดยการอภิปรายและลงคะแนนในสภาสามัญชนเมื่อวานนี้ก็ไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายยุงเกอร์และนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็นการถอนอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ได้มีถ้อยแถลงดังกล่าวในที่ประชุมใหญ่ของรัฐสภายุโรป ซึ่งได้มีการหารือเรื่องความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับ Brexit หลังจากที่รัฐสภาอังกฤษทำการลงมติต่อร่างแก้ไขข้อตกลง Brexit ที่มีการเสนอมาจากสมาชิกรัฐสภา เพื่อบ่งชี้แนวทาง Brexit ที่รัฐสภาต้องการ หลังจากที่ได้ลงมติอย่างถล่มทลายคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ที่นางเมย์ทำไว้กับผู้นำ EU ก่อนหน้านี้
การลงมติของสมาชิกรัฐสภาเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่เป็นการลงมติต่อร่างข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่ของนางเมย์ แต่เป็นร่างแก้ไขข้อตกลง Brexit ของนางเมย์ที่มีการเสนอมาจากสมาชิกรัฐสภา ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 7 ฉบับ
หนึ่งในนั้นได้แก่ร่างแก้ไขข้อตกลง Brexit ที่มีการเสนอจากเซอร์เกรแฮม เบรดี ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนด้วยคะแนนเสียง 317-301 โดยร่างแก้ไขดังกล่าวเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในนโยบาย Backstop ซึ่งเป็นนโยบายเกี่ยวกับระบบศุลกากรระหว่างไอร์แลนด์เหนือกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์
เสียงสนับสนุนที่มากกว่าเสียงคัดค้าน 16 เสียงนี้ จะทำให้นางเมย์ต้องกลับไปที่บรัสเซลส์เพื่อโน้มน้าวให้ฝั่งสหภาพยุโรปทราบว่า ข้อตกลง Brexit จะได้รับการรับรองในรัฐสภาอังกฤษ หากมีการเปลี่ยนเนื้อหาในนโยบาย Backstop
อย่างไรก็ดี นายยุงเกอร์ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการหวนไปสู่ยุค Hard Border หรือพรมแดนที่มีการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองและด่านตรวจศุลกากรบนเกาะไอร์แลนด์
ด้านนายมิเชล บาร์นิเยร์ ได้เน้นย้ำเช่นกันว่า นโยบาย Backstop เป็นผลลัพธ์จากการเจรจาอย่างเข้มข้นตลอดเวลาถึง 2 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่สหภาพยุโรปทำไว้กับอังกฤษ ซึ่งข้อตกลงนี้จะไม่มีการเจรจาใหม่