กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ส่งกองกำลังทหารอีก 3,750 นายเข้าประจำการในพื้นที่ชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกเป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยในบริเวณดังกล่าว
แถลงการณ์จากเพนตากอน ระบุว่า การส่งกองกำลังทหารไปเข้าประจำการในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยบริการการป้องกันเขตแดนและศุลกากรสหรัฐที่มีอยู่ราว 4,350 คน
"กองกำลังเสริมนั้นจะเข้าไปประจำการเป็นเวลา 90 วัน โดยเราจะทำการประเมินอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่า กองกำลังของเราสามารถปฏิบัติภารกิจในการปกป้องและรักษาเขตแดนทางตอนใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ" แถลงการณ์ระบุ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลพยายามผ่านร่างข้อตกลงงบประมาณในการป้องกันแนวชายแดน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงกล่าวย้ำถึงแนวคิดที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อผลักดันให้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก ซึ่งเป็นแคมเปญหาเสียงหลักในปี 2559
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คำประกาศของปธน.ทรัมป์อาจส่งผลให้สภาคองเกรสยอมผ่านร่างข้อเสนอดังกล่าว และยอมจัดสรรงบประมาณบางส่วนให้กับงบสร้างกำแพง ซึ่งเป็นงบประมาณที่แบ่งมาจากโครงการอื่น ๆ อาทิ โครงการของกระทรวงกลาโหม อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจสร้างปฏิกิริยาทางการเมืองและถือเป็นความท้าทายทางกฎหมายอย่างยิ่ง
ในการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสซึ่งออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "เขายังไม่ได้ตัดทางเลือกใดทิ้ง"
กระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า ทางกระทรวงได้ส่งกองกำลังสนับสนุนไปที่แนวชายแดนตะวันตกเฉียงใต้เพื่อการตรวจตราและป้องกันภัย รวมถึงสร้างเครือข่ายกองกำลังตามท่าอากาศยานและท่าเรือต่างๆ"