รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาสนับสนุนสหรัฐที่ตัดสินใจถอนตัวออกจากสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty - INF) ซึ่งทำไว้กับรัสเซียในปี 2530 แม้ญี่ปุ่นมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐอาจสร้างความไม่พอใจต่อหลายฝ่ายก็ตาม
นายโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า "เราเชื่อว่าสหรัฐตระหนักถึงปัญหาต่างๆที่นำไปสู่การประกาศถอนตัวจากสนธิสัญญาดังกล่าว" พร้อมเสริมว่า "แต่การที่สนธิสัญญาดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการควบคุมและลดการแข่งขันสะสมอาวุธ ดังนั้นจึงเป็นประเด็นไม่พึงปราถนานักที่สนธิสัญญาดังกล่าวดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐได้แจ้งให้รัสเซียทราบอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความตั้งใจที่จะถอนตัวออกจากสนธิสัญญา INF ซึ่งทำขึ้นระหว่างสหรัฐและสหภาพโซเวียตในปี 2530 พร้อมกล่าวหาว่า รัสเซียละเมิดข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากครอบครองขีปนาวุธที่มีพิสัยเดินทางระหว่าง 500-5,500 กิโลเมตร
เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังระบุด้วยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเชื่อว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับทดลองและพัฒนาขีปนาวุธของประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐและรัสเซีย ซึ่งได้แก่ จีน เนื่องจากประเด็นการควบคุมขีปนาวุธภายใต้สนธิสัญญานั้น ถือว่าเชื่อมโยงโดยตรงกับความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออก พร้อมกับกล่าวว่า ญี่ปุ่นจะดำเนินการติดต่อสื่อสารกับประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด รวมถึง รัสเซียและจีน ขณะที่คงความร่วมมือกับสหรัฐต่อไป
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ตกเป็นเป้าการทิ้งระเบิดปรมาณูของสหรัฐในการถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ก่อนช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 จนเป็นเหตุทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่ในปัจจุบันญี่ปุ่นได้รับการคุ้มครองภายใต้สนธิสัญญานิวเคลียร์ของสหรัฐ