สภาคองเกรสสหรัฐเตรียมเร่งพิจารณาและให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อให้ทันเส้นตายในช่วงเที่ยงคืนวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือช่วงเที่ยงของวันเสาร์ตามเวลาไทย มิฉะนั้นสหรัฐจะเผชิญกับการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) เป็นครั้งที่ 2
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวจะให้เงินทุนแก่หน่วยงานรัฐบาลจำนวน 9 แห่งเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้จนถึงวันที่ 30 ก.ย. โดยหน่วยงานเหล่านี้ได้ถูกปิดทำการ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลจำนวน 800,000 รายถูกพักงานชั่วคราวในช่วงชัตดาวน์ก่อนหน้านี้ ขณะที่หน่วยงานอื่นๆ ที่ถูกมองว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติยังคงสามารถเปิดดำเนินงานในช่วงชัตดาวน์
มีการคาดการณ์กันว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และวุฒิสภาจะทำการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวภายในคืนนี้ ก่อนส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป
ร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะเจรจาที่ประกอบด้วยสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันก่อนหน้านี้ โดยทั้งสองพรรคต่างอ้างชัยชนะในการจัดทำร่างกฎหมายดังกล่าว
นายริชาร์ด เชลบี ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้ได้ให้เงินดาวน์สำหรับการสร้างกำแพงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และทำให้รัฐบาลมีงบประมาณสำหรับการบริหารงานไปจนถึงสิ้นสุดปีงบประมาณปัจจุบัน ขณะที่นางนิตา โลวีย์ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้ได้ปฏิเสธการให้งบสร้างกำแพงของปธน.ทรัมป์ และมีการใช้มาตรการที่ทำให้ระบบตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐมีความเห็นแก่มนุษยธรรมมากขึ้น
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะจัดสรรงบประมาณ 1.375 พันล้านดอลลาร์สำหรับการสร้างรั้วกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกความยาว 55 ไมล้ แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีตความยาว 215 ไมล์ที่ต้องใช้งบในการสร้างถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์ตามปธน.ทรัมป์ต้องการ
สื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์รอบที่สอง ถึงแม้ว่าปธน.ทรัมป์ดูจะยังไม่ค่อยพอใจนัก เนื่องจากไม่ได้งบ 5.7 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกำแพงตามที่เขาต้องการ แต่คาดว่าเขาอาจจะหางบประมาณด้วยการใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส