Public Citizen ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) ในสหรัฐ ได้ยื่นฟ้องเพื่อขัดขวางไม่ให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดึงเงินงบประมาณของรัฐบาลกลางประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์ไปใช้สร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเมื่อคืนนี้
องค์กร Public Citizen ได้ยื่นฟ้องในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยเป็นการยื่นฟ้องในนามของกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและเจ้าของที่ดิน 3 รายในรัฐเท็กซัสซึ่งได้รับแจ้งจากทางรัฐบาลว่า จะมีการสร้างกำแพงส่วนหนึ่งบนที่ดินของพวกเขา ทันทีที่รัฐบาลได้รับงบประมาณ
ทั้งนี้ การฟ้องร้องดังกล่าวนับเป็นคดีแรก และคาดว่าจะมีการฟ้องร้องปธน.ทรัมป์เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกหลายคดีตามมา โดยอัยการของรัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาดา นิว เม็กซิโก นิวยอร์กและที่อื่นๆ ก็เตรียมที่จะยื่นฟ้องปธน.ทรัมป์ ขณะที่ทางสภาคองเกรสเองก็กำลังพิจารณาที่จะดำเนินการกับปธน.ทรัมป์ด้วย
ด้านนางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว ทวีตข้อความระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ทางด้านความมั่นคงและมนุษยธรรมตามแนวชายแดนทางใต้ของสหรัฐ
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐเผชิญกับการบุกรุกของนักค้ายาเสพติด และนักค้ามนุษย์ รวมทั้งคลื่นผู้อพยพจำนวนมากที่ต้องการหลบหนีเข้ามาในสหรัฐ ทำให้สหรัฐมีความจำเป็นต้องสร้างกำแพงเพื่อสกัดกั้นคนเหล่านี้
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ยอมรับว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าวจะทำให้เขาถูกฟ้อง ซึ่งเขาก็จะต่อสู้ถึงศาลฎีกา และคาดว่าจะได้รับชัยชนะในที่สุด