สื่อท้องถิ่นของสหรัฐรายงานว่า วุฒิสภาของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะสามารถรวบรวมคะแนนเสียงจากสมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้เพียงพอที่จะผ่านข้อมติ เพื่อสกัดกั้นการประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ต้องการงบประมาณสำหรับการก่อสร้างกำแพงกั้นบริเวณพรมแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก
ด้านนายแรนด์ พอล วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันเปิดเผยว่า "ผมไม่อาจลงคะแนนให้ประธานาธิบดีสหรัฐใช้อำนาจในการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่ได้รับการจัดสรรโดยสภาคองเกรสได้" และกล่าวด้วยว่า "เราอาจต้องการวงเงินที่มากขึ้นสำหรับความมั่นคงชายแดน แต่สภาคองเกรสไม่เห็นชอบและหากเราเพิกเฉยต่อการถ่วงดุลอำนาจเหล่านั้น ถือเป็นสิ่งที่อันตรย" พร้อมย้ำว่า "ผมไม่สามารถลงคะแนนให้กับการใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนุญแก่ประธานาธิบดีได้"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือจากวุฒิสมาชิกพอลแล้ว ยังมีนางซูซาน คอลลินส์ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐเมน, วุฒิสมาชิกลิซา เมอร์คอฟสกีจากรัฐอลาสกาและวุฒิสมาชิกทอม ทิลลิสจากรัฐนอร์ธ แคโรไลนา ที่ประกาศว่าจะลงคะแนนโหวตเห็นพ้องร่วมกับวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต เพื่อต่อต้านการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินแห่งชาติของผู้นำสหรัฐในครั้งนี้
รายงานระบุว่า ปัจจุบันพรรครีพับลิกันครองเสียงในวุฒิสภาเพียง 53 เสียง ดังนั้นความเคลื่อนไหวของวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนที่ไม่เห็นพ้องกับการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินของทรัมป์ จึงทำให้มีความเป็นไปได้ว่าร่างมติสกัดการเข้าถึงงบประมาณฉุกเฉินที่ทรัมป์ต้องการ จะผ่านความเห็นชอบไปได้อย่างง่ายดาย
ก่อนหน้านี้ สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ผ่านมติสกัดกั้นการประกาศมาตรการฉุกเฉินด้านงบประมาณของทรัมป์ ด้วยคะแนนเสียง 245 เสียง ต่อ 182 เสียง โดยในจำนวนนี้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันโหวตเห็นชอบด้วยถึง 13 เสียง คาดว่าวุฒิสภาสหรัฐจะลงคะแนนเสียงในข้อมติเดียวกันภายในช่วงปลายเดือนนี้ ขณะที่ทรัมป์ประกาศจะใช้สิทธ์วีโต้หากมติดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภา
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อดึงงบประมาณจากด้านอื่นมาใช้สำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก หลังจากที่สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณบางส่วนสำหรับการก่อสร้างสิ่งกีดขวางตามแนวพรมแดนเท่านั้น ซึ่งลดลงจากงบประมาณที่ทรัมป์เสนอไปก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก