นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้สูญเสียการควบคุมกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ให้กับรัฐสภาอังกฤษแล้ว หลังจากยอมรับว่าเธอไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะทำให้รัฐสภาอังกฤษอนุมัติข้อตกลง Brexit ของเธอที่ทำไว้กับสหภาพยุโรป (EU)
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 329 ต่อ 302 เสียงเมื่อวานนี้ เพื่อเข้าควบคุมกระบวนการ Brexit แทนนางเมย์ และเรียกร้องให้นางเมย์หาทางเลือกอื่นๆ ซึ่งอาจรวมถึงการลงประชามติครั้งที่ 2 เพื่อให้อังกฤษอยู่ในสหภาพศุลกากรของสหภาพยุโรป (EU) ต่อไป หรือแม้แต่การยกเลิกกระบวนการ Brexit
นางเมย์เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังคงมีคะแนนสนับสนุนไม่เพียงพอที่ข้อตกลง Brexit ของเธอจะผ่านความเห็นชอบในการลงมติครั้งที่ 3 ในสภาผู้แทนราษฎร
การแถลงของนางเมย์ต่อสภาสามัญชนหรือสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษมีขึ้นในขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้เสร็จสิ้นการเตรียมการสำหรับการที่อังกฤษจะถอนตัวจากการเป็นสมาชิก EU แบบไร้ข้อตกลง ในวันที่ 12 เม.ย.นี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเตือนว่า สถานการณ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ โฆษกของนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลอังกฤษจะนำข้อตกลง Brexit ซึ่งนางเมย์ได้ทำร่วมกับสหภาพยุโรป (EU) ขึ้นสู่การพิจารณาของรัฐสภา ก็ต่อเมื่อข้อตกลงดังกล่าวมีโอกาสได้รับการสนับสนุนมากพอเท่านั้น
อย่างไรก็ดี โฆษกนายกฯอังกฤษได้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า การลงมติดังกล่าวจะมีขึ้นในวันนี้หรือไม่
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า 27 ชาติสมาชิกของ EU ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้เลื่อนเวลาที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ตามคำร้องขอของนางเทเรซา เมย์
ทั้งนี้ นายทัสก์เปิดเผยผ่านทางทวิตเตอร์ว่า EU ได้ตกลงที่จะขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ไปจนถึงวันที่ 22 พ.ค. หากรัฐสภาอังกฤษลงมติอนุมัติข้อตกลง Brexit ในสัปดาห์นี้ และหากข้อตกลง Brexit ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอังกฤษในสัปดาห์นี้ ทาง EU ก็จะขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ออกไปถึงวันที่ 12 เม.ย.เท่านั้น
นายทัสก์กล่าวว่า EU พร้อมที่จะขยายกำหนดเวลาการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ออกไปอีก 3 เดือน แต่มีเงื่อนไขว่า รัฐสภาอังกฤษจะต้องให้การอนุมัติข้อตกลง Brexit ที่นางเทเรซา เมย์ ทำไว้กับผู้นำ EU ก่อนหน้านี้