นายมาร์ค รุทท์ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า อังกฤษอาจต้องเผชิญภาวะการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลง หลังจากที่รัฐสภาอังกฤษมีมติคว่ำข้อตกลง Brexit เป็นครั้งที่ 3 ในวันนี้
"ความเสี่ยงที่จะเกิด Brexit ที่ไม่มีการทำข้อตกลงกำลังกลายเป็นเรื่องจริงอย่างมาก" นายรุทท์กล่าว
"หนึ่งในสองเส้นทางที่จะทำให้ Brexit เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบระเบียบได้ถูกปิดลงแล้ว ทำให้เหลืออีกเพียงทางเดียว โดยชาวอังกฤษจะต้องแสดงความชัดเจนว่าพวกเขาต้องการอะไรก่อนวันที่ 12 เม.ย." เขากล่าว
ทางด้านนายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป ทวีตข้อความระบุว่า ผู้นำสหภาพยุโรป (EU) จะจัดการประชุมในวันที่ 10 เม.ย.เพื่อหารือเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU
ส่วนคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU ระบุว่า ขณะนี้มีแนวโน้มที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 12 เม.ย.โดยไม่มีข้อตกลง
ทั้งนี้ สภาสามัญชนของอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 344 ต่อ 286 เสียงในวันนี้ คว่ำข้อตกลง Brexit เป็นครั้งที่ 3
สิ่งที่รัฐสภาลงมติในวันนี้ คือข้อตกลงถอนตัว (Withdrawal Agreement) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง Brexit ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทำไว้กับผู้นำ EU ก่อนหน้านี้ โดยรัฐสภายังไม่ได้พิจารณาปฏิญญาทางการเมือง (Political Declaration) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง Brexit เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ รัฐสภาได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย 432 ต่อ 202 เสียงในเดือนม.ค. คว่ำข้อตกลง Brexit ก่อนที่จะลงมติอีกครั้งเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ด้วยคะแนนเสียง 391-242 เสียงคว่ำข้อตกลง Brexit เป็นครั้งที่ 2 แม้ว่าได้รับการแก้ไขจากนางเมย์ หลังมีการหารือกับผู้นำ EU
การที่ข้อตกลง Brexit ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอังกฤษในวันนี้ ทำให้อังกฤษสามารถขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ออกไปเป็นวันที่ 12 เม.ย.เท่านั้น จากเดิมที่อังกฤษมีกำหนดแยกตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้
หากรัฐสภาอังกฤษลงมติอนุมัติข้อตกลง Brexit ในวันนี้ EU ก็ได้ตกลงที่จะขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ออกไปจนถึงวันที่ 22 พ.ค.