รัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือกลุ่ม G7 ได้ผลักดันให้เกาหลีเหนือเดินหน้าการเจรจาเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐต่อไป โดยไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการยั่วยุ
ในแถลงการณ์ซึ่งออกภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสองวัน ที่เมืองดินาร์ด ทางตะวันตกของฝรั่งเศส บรรดารัฐมนตรี G7 ได้แสดงความผิดหวังและเสียใจที่เกาหลีเหนือไม่ได้ดำเนินการที่เป็นรูปธรรมและพิสูจน์ยืนยันได้ว่าจะนำไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทางกลุ่ม G7 ให้คำมั่นที่จะยังคงกดดันเกาหลีเหนือขั้นสูงสุด และปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือขององค์การสหประชาชาติ (UN) อย่างเต็มที่ เพื่อบีบให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการอาวุธทำลายล้างสูงและระบบส่งอาวุธที่เกี่ยวข้อง
การประชุมครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ของเกาหลีเหนือ ที่เวียดนาม เมื่อปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมานั้น ประสบความล้มเหลว และส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พูดถึงการตั้งค่ายทหารของจีนในพื้นที่พิพาทต่างๆ ในทะเลจีนใต้ และความพยายามของจีนในการลดทอนอำนาจของญี่ปุ่นในการควบคุมหมู่เกาะเซนกากุในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นน่ากังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในเอเชีย โดยกลุ่ม G7 ได้แสดงการคัดค้านอย่างมากต่อการกระทำเพียงฝ่ายเดียวที่สร้างความเสียหายต่อเสถียรภาพของภูมิภาคและความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามกฎกติกาสากล
"เราขอสนับสนุนให้จีนเข้าร่วมในระบบกติกาสากลที่เปิดกว้างและเสรีอย่างมีความรับผิดชอบ" กลุ่ม G7 กล่าว
กลุ่ม G7 ประกอบด้วยสหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐ รวมทั้งสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศยุโรปเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับอิทธิพลของจีนที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วโลก โดยเมื่อเดือนที่แล้ว คณะกรรมาธิการยุโรปได้มีมติว่า จีนเป็น "คู่แข่งเชิงระบบ"
อย่างไรก็ตาม ความเป็นเอกภาพของ EU ในการต่อกรกับจีนนั้นไม่เข้มแข็งเท่าไรนัก ดังเห็นได้จากการที่อิตาลีได้ลงนามเข้าร่วมโครงการ Belt and Road Initiative ซึ่งเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจีน เมื่อวันที่ 23 มี.ค. โดยอิตาลีนับเป็นประเทศสมาชิก G7 ประเทศแรกที่เข้าร่วมโครงการ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวว่ามีเจตนาที่จะดึงดูดประเทศอื่นๆ เข้าสู่วงโคจรทางเศรษฐกิจของจีนมากขึ้น
สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่มีการหารือในระหว่างการประชุมครั้งนี้นั้น รัฐมนตรี G7 ได้เรียกร้องให้เวเนซุเอลาจัดการเลือกตั้งใหม่ที่เป็นอิสระ โปร่งใส และเชื่อถือได้โดยเร็ว โดยอ้างถึงกระบวนการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งส่งผลให้ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในปี 2561
ทั้งนี้ กลุ่ม G7 ให้การสนับสนุนนายฮวน กุยโด ผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งประกาศตนเองเป็นประธานาธิบดีรักษาการ ขณะที่นายมาดูโรได้รับการหนุนหลังจากรัสเซียและจีน
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมรัฐมนตรี G7 ยังได้แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการใช้กำลังทหารของรัสเซียต่อเรือและทหารเรือของยูเครนในช่องแคบเคียร์ชและน่านน้ำโดยรอบในปีที่แล้ว
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งนี้มีขึ้นเพื่อวางกรอบการทำงานสำหรับการประชุมสุดยอด G7 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 24-26 ส.ค. ในบียาริตส์ ประเทศฝรั่งเศส