ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ได้มีการหารือทางโทรศัพท์ในประเด็นด้านความมั่นคงระดับภูมิภาค อิหร่าน และสิทธิมนุษยชน
แถลงการณ์จากทำเนียบขาวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ "ได้มีการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์" กับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เกี่ยวกับ "บทบาทสำคัญของซาอุดีอาระเบียในการรักษาความมั่นคงของตะวันออกกลาง ใช้มาตรการกดดันสูงสุดต่ออิหร่าน และความสำคัญในประเด็นสิทธิมนุษยชน"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ออกคำสั่งห้ามชาวซาอุดิอาระเบียจำนวน 16 คน เดินทางเข้าสหรัฐ สืบเนื่องจากการเสียชีวิตของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดิอาระเบีย
นายคาช็อกกี ถูกสังหารในสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียประจำกรุงอิสตันบูลของตุรกีเมื่อเดือนต.ค. 2561 ขณะที่ซาอุดิอาระเบียปฎิเสธว่าไม่รู้เห็นใดๆต่อการเสียชีวิต แต่ภายหลังกล่าวโทษว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ลุแก่อำนาจของตน
นอกจากนี้ ในวันจันทร์เช่นกัน สหรัฐยังได้กำหนดให้กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ซึ่งเป็นกองกำลังทหารขั้นสูงในสังกัดกองทัพอิหร่าน เป็น "องค์กรก่อการร้ายในต่างแดน" ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศกำหนดให้กองทัพของอีกประเทศหนึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้าย ขณะที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้ออกมาน้อมรับการประกาศดังกล่าว
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การประกาศดังกล่าวจากฝั่งสหรัฐนั้นจะเข้ามายกระดับการปะทะในภูมิภาค
ส่วนสภาความมั่นคงของอิหร่าน ได้ตอบโต้ความเคลื่อนไหวของสหรัฐ ด้วยการกำหนดให้กองกำลังของกองบัญชาการทหารเขตกลางแห่งสหรัฐในเอเชียตะวันตกนั้นเป็น "กลุ่มก่อการร้าย"