ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเผยได้หารือกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคี และประเด็นนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีในระหว่างการพบปะกันเป็นครั้งแรก
ผู้นำทั้งสองเริ่มต้นการเจรจาเป็นเวลา 4 ชั่วโมงด้วยการสนทนาแบบตัวต่อตัวก่อน และต่อมาได้มีคณะผู้แทนของทั้งสองประเทศเข้าร่วมประชุมด้วย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันในเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ รวมถึงการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทนเกาหลี ความสัมพันธ์ทวิภาคี สหประชาชาติ (UN) และความสัมพันธ์กับสหรัฐ
ปธน.ปูตินได้ยืนยันอีกครั้งว่า "ไม่มีทางเลือกอื่นในการแก้ปัญหาอย่างสันติในประเด็นนิวเคลียร์ และปัญหาอื่นๆ บนคาบสมุทรเกาหลี" และกล่าวเสริมว่า รัสเซียพร้อมที่จะให้ความร่วมมือต่อไป เพื่อลดความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี และเสริมสร้างความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือโดยรวม
"การลดอาวุธนิวเคลียร์ก็หมายถึงการปลดอาวุธของเกาหลีเหนือในระดับหนึ่ง แต่เกาหลีเหนือยังต้องการรับประกันในเรื่องความปลอดภัย และการรักษาอธิปไตย" ปธน.ปูตินกล่าวในการแถลงข่าวหลังจากเจรจากับนายคิม
ด้านนายคิมระบุว่า ตนเองและปธน.ปูตินได้หารือกันอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาอย่างสันติสำหรับประเด็นนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งได้กลายเป็นประเด็นเร่งด่วนที่สุดในวาระระหว่างประเทศ
นายคิมระบุว่า "ผมหวังว่า การเจรจาของเราจะยังคงดำเนินต่อไปในแนวทางเดียวกันอย่างเป็นประโยชน์และสร้างสรรค์"
สำหรับความร่วมมือทวิภาคีนั้น ปธน.ปูตินกล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกันเกี่ยวกับโครงการร่วมทุนต่างๆ อาทิ โครงการเชื่อมโยงทางรถไฟของรัสเซียกับคาบสมุทรเกาหลี โครงการท่อขนส่งน้ำมันและก๊าซ รวมถึงโครงการเครือข่ายกระแสไฟฟ้า
ปธน.ปูติน ย้ำว่า ทุกโครงการมีความเป็นไปได้ และ เป็นประโยชน์ต่อเกาหลีใต้ด้วย
"ในความคิดของผม หากมีการดำเนินโครงการเหล่านี้และโครงการอื่นๆ ก็จะนำไปสู่เงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มความไว้วางใจ ซึ่งจำเป็นสำหรับการแก้ปัญหาที่สำคัญๆ" นายปูตินกล่าว
นายคิมได้เดินทางถึงเมืองวลาดิวอสตอคของรัสเซียเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเพื่อพบปะกับปธน.ปูตินเป็นครั้งแรก และเป็นการพบปะกันที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐกำลังขยายตัว
ทั้งนี้ ผู้นำเกาหลีเหนือได้พบปะกับปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐสองครั้งแล้ว โดยการประชุมซัมมิตครั้งที่สองที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 28 ก.พ.โดยปราศจากการทำข้อตกลงใดๆ
หลังจากการประชุมทรัมป์-คิม ในฮานอยประสบความล้มเหลว นายเกล็บ อิวาเชนท์ซอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเกาหลีใต้กล่าวว่า "ในขณะนี้จำเป็นที่จะต้องกระตุ้นให้เกิดกระบวนการเพื่อยุติความขัดแย้งทั้งหมด และผลักดันกระบวนการดังกล่าวไปข้างหน้า"
เขากล่าวว่า การประชุมของปธน.ปูตินและนายคิมจะเป็นแรงผลักดันสำหรับการยุติความขัดแย้งทางการเมืองบนคาบสมุทรเกาหลี โดยเขาระบุว่า รัสเซียเริ่มที่จะมีบทบาทเป็นผู้มีส่วนร่วมเชิงรุกมากขึ้นในกระบวนการดังกล่าว
"เกาหลีเหนือเองต้องมีท่าทีที่ประนีประนอม" นายอิวาเชนท์ซอฟระบุ
นอกจากนี้ นายอิวาเชนท์ซอฟยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างรัสเซีย-จีนในประเด็นนี้ โดยกล่าวว่า บางทีเราจะอาจจะหารือกันต่อไปเกี่ยวกับการเจรจาในวงกว้างขึ้น