นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสหรัฐมีพฤติกรรมรังแกจีนในระหว่างการเจรจาการค้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้การเจรจาประสบความล้มเหลว
"ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มต้นการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ในการเจรจาการค้าและเศรษฐกิจระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนและสหรัฐรอบที่ 11 อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าเสียใจที่ว่า ฝ่ายสหรัฐได้เพิ่มความขัดแย้งทางการค้าแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเจรจา" นายเฟิงกล่าว
"จีนเชื่อมาโดยตลอดว่าการขึ้นภาษีไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า อย่างไรก็ดี จีนจะดำเนินการตอบโต้ด้วยมาตรการที่จำเป็น และเราขอเรียกร้องให้สหรัฐเร่งแก้ไขในสิ่งที่ผิดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เพิ่มขึ้นต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภคในทั้งสองประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก" เขากล่าว
ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.