ผู้พิพากษาศาลเขตนิวยอร์กตัดสินให้สภาคองเกรสมีอำนาจในการขอรายการธุรกรรมทางการเงินของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ตามที่ทางคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่นำโดยพรรคเดโมแครตเคยขอไว้กับธนาคาร 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารดอยซ์แบงก์ และธนาคารแคปิตอลวัน ซึ่งคาดกันว่าทนายความประจำตัวปธน.ทรัมป์ จะขออุทธรณ์เร็ว ๆ นี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเคยออกหมายศาลต่อธนาคารทั้ง 2 แห่งเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อขอรายการธุรกรรมทางการเงินดังกล่าวและนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม แต่ยังไม่มีสภาพบังคับตามกฎหมาย เนื่องจากฝั่งปธน.ทรัมป์ได้คัดค้าน ขณะที่ทางคณะกรรมการจะให้เวลาธนาคารทั้ง 2 แห่งเป็นเวลา 7 วันก่อนที่หมายศาลดังกล่าวจะมีสภาพบังคับในท้ายที่สุด
ล่าสุด ธนาคารดอยซ์แบงก์ได้ออกมาประกาศว่าทางธนาคารจะปฏิบัติตามคำสั่งศาล ส่วนธนาคารแคปิตอลวันยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กำลังถูกสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรคเดโมแครตตรวจสอบรายได้และข้อมูลการเสียภาษี นับตั้งแต่ที่พรรคเดโมแครตได้กลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อต้นปี
ก่อนหน้านี้ไม่นาน หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประสบภาวะขาดทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์จากการทำธุรกิจในปี 2528-2537 โดยการที่ปธน.ทรัมป์ขาดทุนเป็นจำนวนมากดังกล่าว ทำให้เขาไม่ต้องเสียภาษีเป็นเวลาถึง 8 ปี
ขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคเดโมแครตได้เรียกร้องให้กรมสรรพากรสหรัฐเปิดเผยแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคลของปธน.ทรัมป์ย้อนหลังเป็นเวลา 6 ปีแก่สภาคองเกรส เพื่อทำการสอบสวนกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการทำธุรกิจของปธน.ทรัมป์ และการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ
ด้านปธน.ทรัมป์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลการขอคืนภาษีตลอดระยะเวลาหาเสียง และหลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งไปแล้ว โดยอ้างเหตุผลว่าข้อมูลการขอคืนภาษีของเขาอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหลายรายลงความเห็นว่า ทรัมป์ไม่ได้ถูกห้ามให้เปิดเผยข้อมูลระหว่างการตรวจสอบ