ประธานาธิบดีอิรักประกาศจะไม่ยอมให้สหรัฐเข้ามาใช้ฐานทัพในอิรัก เพื่อโจมตีประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิหร่าน
ประธานาธิบดีบาร์ฮัม ซาลีห์ แห่งอิรัก เปิดเผยกับสำนักข่าว CNN ว่า "อิรักไม่ต้องการให้อาณาเขตของเราต้องถูกใช้เป็นเวทีสำหรับกระทำการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงอิหร่านด้วย"
เมื่อถูกถามถึงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของอิหร่านในภูมิภาคได้หรือไม่ นายซาลีห์ตอบว่า "สำหรับอิรัก เราต้องทนทุกข์ทรมานกับการคว่ำบาตรมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 และเรื่องนี้ก็ยังสร้างความเจ็บปวดให้กับเรามาจนถึงทุกวันนี้"
ปธน.อิรักกล่าวต่อไปว่า หากเทียบกับสถานการณ์ที่อิหร่านกำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้ สถานการณ์อิรักในตอนนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของนายซัดดัม ฮุสเซนนั้น เรียกได้ว่าเป็นกรณีพิเศษที่ต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทั้งสองนี้เหมือนกันตรงที่ "เป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะทำให้เกิดสงคราม แต่จะยากมากๆในการทำให้สงครามสิ้นสุดลง"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาขู่อิหร่านว่า สหรัฐจะโจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้ หากอิหร่านทำการโจมตีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา
"แถลงการณ์ที่โง่เขลา และเหยียดหยามของอิหร่านในวันนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าอิหร่านไม่เข้าใจต่อความเป็นจริง และหากอิหร่านโจมตีต่อสิ่งใดที่เป็นของอเมริกา อิหร่านก็จะเผชิญกับพลังที่ยิ่งใหญ่ และมีอำนาจมาก ซึ่งจะทำลายล้างอิหร่าน" ข้อความในทวิตเตอร์ของทรัมป์ระบุ
ทั้งนี้ คำขู่ของประธานาธิบดีสหรัฐได้ถูกเชื่อมโยงไปยังคำพูดที่เคยให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CBS ก่อนหน้านี้ว่า เหตุผลเบื้องหลังที่สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพในอิรักนั้นก็เพื่อสอดส่องและควบคุมอิหร่าน ส่งผลให้หลายฝ่ายมองว่าสหรัฐอาจเข้าไปใช้ฐานทัพที่อยู่ในอิรักเพื่อโจมตีอิหร่าน