นายฟาร์ฮาน แฮค รองโฆษกของนายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยว่า นายกูเตอร์เรสเชื่อว่า การที่อิหร่านละเมิดข้อจำกัดในการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมในข้อตกลงนิวเคลียร์นั้น จะไม่ช่วยในการดำรงรักษาข้อตกลง หรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสำหรับประชาชนอิหร่าน
ในการแถลงข่าวตามปกตินั้น นายแฮคกล่าวว่า นายกูเตอร์เรสได้รับทราบการประกาศที่ว่า อิหร่านอาจเริ่มเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเกิน 3.67% ที่กำหนดโดยแผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม (Joint Comprehensive Plan of Action) ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของข้อตกลงนิวเคลียร์
เมื่อวานนี้ โฆษกขององค์การพลังงานปรมาณูของอิหร่านประกาศว่า อิหร่านได้เสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมสูงถึง 4.5% ซึ่งสูงเกินกว่า 3.67% ที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558
นายกูเตอร์เรสกล่าวว่า "หากได้รับการยืนยัน การกระทำดังกล่าวของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจะไม่ช่วยรักษาข้อตกลงนิวเคลียร์ หรือเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจสำหรับประชาชนอิหร่าน"
นายแฮคกล่าวเสริมว่า นายกูเตอร์เรสได้สนับสนุนให้อิหร่านยังคงดำเนินการตามภาระผูกพันภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ ขณะที่ผู้มีส่วนร่วมในข้อตกลงยังคงหาทางที่จะแก้ปัญาต่างๆ ที่อิหร่านเผชิญอยู่
ในปี 2558 อิหร่านได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับสมาชิกถาวร 5 ชาติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN) รวมเยอรมนี โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว อิหร่านยินยอมที่จะจำกัดการผลิตวัสดุฟิสไซล์ในวิศวกรรมนิวเคลียร์ เพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหรัฐได้ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ในปีที่ผ่านมา และได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน ส่วนประเทศที่เหลือที่ทำข้อตกลงกับอิหร่าน ได้แก่ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี และรัสเซีย