สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนน 332 ต่อ 95 เสียง ให้ระงับกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในกรณีที่ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงเหยียดเชื้อชาติต่อสมาชิกสภาคองเกรส โดยกระบวนการทางกฎหมายที่จะถอดถอนปธน.ทรัมป์ในกรณีดังกล่าวได้ถูกตีตกไปในสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ แม้จะได้รับการสนับสนุนจากส.ส.เกือบ 100 คนก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลการลงมติดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าในพรรคเดโมแครตเองก็แบ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการถอดถอนและไม่ต้องการถอดถอนปธน.ทรัมป์ โดยเฉพาะหลังจากปธน.ทรัมป์ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงเหยียดเชื้อชาติต่อสมาชิกสภาคองเกรส ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับส.ส.จากทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้พยายามที่จะโน้มน้าวให้ส.ส.จากพรรคเดโมแครตเชื่อว่า การถอดถอนปธน.ทรัมป์ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีที่สุด แต่ความไม่พอใจในคณะทำงานของปธน.ทรัมป์ในเรื่องนโยบายผู้อพยพ การขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และการโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ก็ทำให้มีเหตุผลเพียงพอที่ส.ส.ในรัฐสภาจำนวนมากจะต่อต้านปธน.ทรัมป์และสนับสนุนกระบวนการถอดถอน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ทวีตบอกกล่าวกับส.ส.หญิง 4 รายให้กลับประเทศบ้านเกิดไป และภายหลังได้ทำให้เหตุการณ์บานปลายขึ้นหลังบอกว่า ส.ส.กลุ่มนั้นเกลียดสหรัฐ
ส.ส.หญิงทั้ง 4 รายนี้ ได้แก่ ส.ส.อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ คอร์เทซ จากนิวยอร์ก ส.ส.ราชิดา ทเลบ จากมิชิแกน ส.ส.อิลฮาน โอมาร์ จากมินนิโซตา และส.ส.อยานนา เพรสลีย์ จากแมสซาชูเซตส์ อย่างไรก็ดี ส.ส.ส่วนใหญ่ในจำนวนนี้เกิดในสหรัฐ ยกเว้นส.ส.อิลฮาน โอมาร์ ซึ่งลี้ภัยมาจากประเทศโซมาเลีย
เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากส.ส.พรรคเดโมแครต นอกจากนี้ ส.ส.พรรครีพับลิกันจำนวนมากยังกล่าวด้วยว่าข้อความดังกล่าวของปธน.ทรัมป์นั้นไม่เหมาะสม
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ผ่านมติประณามปธน.ทรัมป์สำหรับการแสดงความคิดเห็นในเชิงเหยียดเชื้อชาติส.ส.หญิงพรรคเดโมแครต โดยมีส.ส. 4 คนจากพรรครีพับลิกันโหวตสนับสนุนมติดังกล่าวด้วยเช่นกัน