รัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียน รวมทั้งญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ (อาเซียน+3) ได้เปิดการประชุมในวันนี้ที่กรุงเทพฯ โดยประเด็นหลักในการหารือคือการเน้นย้ำความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดด้านการค้าและการชดเชยแก่แรงงานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้อาจส่งผลกระทบต่อความร่วมมือในระดับไตรภาคีกับสหรัฐ ในประเด็นการแก้ปัญหาเรื่องเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ ในการประชุมอาเซียน+3 รมว.ต่างประเทศเตรียมที่จะยืนยันถึงการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างเต็มรูปแบบต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงการต่อต้านการส่งน้ำมันปิโตรเลียมอย่างผ่านเรืออย่างผิดกฎหมาย ตลอดจนห้ามซื้อขายถ่านหินและสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อกดดันให้เกาหลีเหนือยกเลิกการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการเจรจาระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ เพื่อยุติการใช้อาวุธนิวเคลียร์
สำหรับในด้านเศรษฐกิจนั้น รมว.จากประเทศต่าง ๆ จะเพิ่มความพยายามในการสรุปผลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ โดยความตกลง RCEP นั้นเป็นโครงการความร่วมมือด้านการค้าเสรีระหว่างประเทศกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ กับประเทศที่เป็นคู่เจรจา FTA อีก 6 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์
สำหรับชาติสมาชิกอาเซียนประกอบไปด้วย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม