นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า อินเดียและปากีสถานควรใช้ความอดกลั้น และหลีกเลี่ยงการเพิ่มความตึงเครียดในแคว้นแคชเมียร์
นางหัวกล่าวว่า จีนมีความกังวลต่อสถานการณ์ในแคว้นแคชเมียร์ และขอเรียกร้องให้อินเดียและปากีสถานหาทางยุติความขัดแย้งโดยสันติวิธี ผ่านทางการเจรจา และการปรึกษาหารือกัน เพื่อรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาค
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียยังคงตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต, โทรศัพท์ และโทรทัศน์เป็นวันที่ 2 ในแคว้นแคชเมียร์ เพื่อป้องกันการก่อความไม่สงบในหมู่ประชาชน หลังจากที่อินเดียประกาศยกเลิกสถานะพิเศษของแคว้นแคชเมียร์เมื่อวานนี้ ท่ามกลางความพยายามในการยึดครองดินแดนดังกล่าว
ขณะเดียวกัน อินเดียยังได้สั่งปิดโรงเรียนและวิทยาลัยในแคว้นดังกล่าวอย่างไม่มีกำหนด รวมทั้งควบคุมตัวอดีตมุขมนตรีของแคว้นแคชเมียร์ และจัมมู
นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียได้ส่งกำลังทหารหลายหมื่นนายตามชายแดนแคว้นแคชเมียร์เพื่อเตรียมรับมือการตอบโต้จากปากีสถาน หลังจากที่รัฐบาลปากีสถานออกโรงประณามอินเดีย โดยระบุว่า อินเดียได้ใช้มาตรการ"ที่ผิดกฎหมาย"ในการประกาศยกเลิกสถานะพิเศษของแคว้นแคชเมียร์
ทางการปากีสถานเตือนว่ารัฐบาลจะพิจารณาทางเลือกทุกประการในการตอบโต้อินเดีย
ทั้งนี้ แคว้นแคชเมียร์ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ถูกอ้างสิทธิครอบครองจากทั้งอินเดีย ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู และปากีสถาน ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม
รัฐบาลอินเดียประกาศยกเลิกมาตรา 370 แห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีบทบัญญัติมอบสถานะพิเศษให้แก่แคชเมียร์ นอกจากนี้ บทบัญญัติในมาตราดังกล่าวยังได้มอบอำนาจให้แคว้นแคชเมียร์ และจัมมูสามารถออกกฎหมายของตนเอง
การยกเลิกมาตรา 370 ส่งผลให้แคว้นแคชเมียร์ และจัมมูไม่สามารถออกกฎหมายของตนเองได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ การยกเลิกมาตรา 370 ดังกล่าว ยังส่งผลให้ประชาชนนอกแคว้นสามารถเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในแคว้นแคชเมียร์
นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย อ้างว่าการยกเลิกมาตรา 370 แห่งรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมาตราดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการผนวกแคว้นแคชเมียร์เข้ากับดินแดนส่วนอื่นของอินเดีย