ผู้นำประเทศสมาชิก G7 ได้ปิดฉากการประชุมสุดยอดตลอด 3 วันที่ผ่านมาแล้วเมื่อวานนี้ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยไม่ได้มีการออกแถลงการณ์ร่วมกันแต่อย่างใด ซึ่งปกติเป็นธรรมเนียมที่ต้องมีแถลงการณ์ร่วมตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยสถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มประเทศ G7 ยังคงมีความขัดแย้งในประเด็นต่างๆ ทั้งการค้า ความพยายามด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน และภาวะโลกร้อน
อย่างไรก็ดี กลุ่ม G7 ได้มีการออก "คำประกาศ" สั้นๆ เพื่อสรุปสิ่งที่ได้หารือกันใน 5 ประเด็นหลัก ๆ ได้แก่ประเด็นการค้า ฮ่องกง อิหร่าน ยูเครน และลิเบีย ซึ่งเป็นคำประกาศที่ค่อนข้างแตกต่างเมื่อเทียบกับคำประกาศที่ทางกลุ่ม G7 ได้เผยแพร่ออกมานับตั้งแต่การประชุมสุดยอดครั้งแรกเมื่อปี 2518
สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นรายหนึ่งว่า ผู้นำสมาชิก G7 หลายรายได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในฮ่องกง ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่าจีนอาจใช้กำลังทหารเพื่อปิดฉากการประท้วงอันรุนแรง
เจ้าหน้าที่รายดังกล่าว เปิดเผยว่า กลุ่ม G7 ได้ยืนยันที่จะเรียกร้องให้จีน "ดำเนินบทบาทในทางสร้างสรรค์ต่อประชาคมโลก" หลังก่อนหน้านี้ไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงได้ยิงอาวุธเตือนเป็นครั้งแรกในการประท้วงที่ยืดเยื้อในฮ่องกงมานานหลายเดือนนี้
นอกจากนี้ การประชุมดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับสมาชิก G7 ชาติอื่นๆ ด้วย โดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมเรื่องสภาพอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และมหาสมุทร แม้มีกำหนดการเข้าร่วมก็ตาม หลังปธน.ทรัมป์ เคยประกาศถอดสหรัฐออกจากความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ส่วนในการประชุมวันสุดท้ายที่เมืองบิอาร์ริตซ์ของฝรั่งเศสนั้น ผู้นำกลุ่ม G7 ได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในฮ่องกง รวมถึงการที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้หลายครั้ง