รายงานของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า สถาบันการเงินจะพากันโยกย้ายสินทรัพย์ราว 1.3 ล้านล้านยูโร (1.44 ล้านล้านดอลลาร์) ออกจากอังกฤษไปยังยูโรโซน อันเนื่องจากการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ทั้งนี้ นายแอนเดรีย เอ็นเรีย ประธานคณะกรรมการกำกับ ECB ระบุว่า ธนาคาร 24 แห่งจะเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ดังกล่าว โดยธนาคาร 7 แห่งจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของ ECB ขณะที่อีก 17 แห่งจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล
นายเอ็นเรียเปิดเผยว่า ภาคธนาคารต่างเตรียมพร้อมรับมือปัจจัย Brexit
อย่างไรก็ดี นายเอ็นเรียเตือนว่า Brexit เป็นเหตุการณ์ที่จะสร้างความตื่นตระหนก และความผันผวนในตลาดการเงิน
ทางด้านนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีแผนในการขยายเวลาปิดสมัยประชุมสภา เพื่อหวังเดินหน้าผลักดันให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) โดยไร้ข้อตกลงในวันที่ 31 ต.ค.
ทั้งนี้ นายจอห์นสันประกาศกำหนดให้วันที่ 14 ต.ค.เป็นวันที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประทานพระบรมราโชวาทต่อรัฐสภาอังกฤษเนื่องในวาระเปิดสมัยประชุมสภา
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะทรงอ่านถ้อยแถลงในวันดังกล่าวตามที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ โดยจะระบุถึงวาระด้านนิติบัญญัติในปีที่จะมาถึง
ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษมีกำหนดกลับเข้าประชุมสภาในสัปดาห์หน้า โดยจะมีการประชุมไปจนถึงวันที่ 9 ก.ย. ก่อนที่จะมีการพักสมัยประชุมเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆจัดการประชุมภายในพรรค แต่การดำเนินการของนายจอห์นสันในครั้งนี้ได้ทำให้การพักสมัยประชุมสภายาวนานขึ้นเป็น 5 สัปดาห์
การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้มีการปิดรัฐสภาอังกฤษตั้งแต่กลางเดือนก.ย.เป็นเวลาราว 1 เดือน ซึ่งจะทำให้รัฐสภามีเวลาน้อยลงในการออกกฎหมายเพื่อสกัดความพยายามของนายจอห์นสันในการนำอังกฤษแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค.โดยไร้ข้อตกลง
ที่ผ่านมา นายจอห์นสันยืนยันว่า อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU แม้ว่าจะไม่มีการทำข้อตกลงก็ตาม
ถึงแม้ว่าการปิดรัฐสภาก่อนการเสด็จเปิดสมัยประชุมสภาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามปกติในอังกฤษ แต่การดำเนินการดังกล่าวของนายจอห์นสันในครั้งนี้เพื่อจำกัดสมัยประชุมสภาเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ที่อังกฤษจะแยกตัวจาก EU ได้สร้างความไม่พอใจต่อสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ