นางแอมเบอร์ รัดด์ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานและบำนาญของอังกฤษ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับลาออกจากพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อวันเสาร์ นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สั่นคลอนการทำงานของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ซึ่งกำลังพยายามผลักดันแผนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากคนในพรรครัฐบาลเอง รวมถึงพรรคฝ่ายค้าน และรัฐสภา
นางรัดด์ระบุว่า เธอรับไม่ได้ที่สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยม 21 คนถูกไล่ออกจากพรรคเพราะไม่เห็นด้วยกับแผน Brexit ของนายจอห์นสัน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงสมาชิก 21 คนที่แปรพักตร์จากพรรคอนุรักษ์นิยม ประสบความสำเร็จในการลงมติด้วยคะแนนเสียง 328 ต่อ 301 เสียง ในการเข้าควบคุมกระบวนการนิติบัญญัติของรัฐสภา ส่งผลให้ฝ่ายค้านสามารถสกัดความพยายามของนายจอห์นสันในการนำอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 31 ต.ค. โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit)
ต่อมาในวันศุกร์ สภาขุนนางของอังกฤษได้อนุมัติร่างกฎหมายป้องกัน no-deal Brexit และเตรียมถวายร่างกฎหมายดังกล่าวให้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงลงพระปรมาภิไธยในวันจันทร์
กฎหมายฉบับนี้จะทำให้นายจอห์นสันต้องเจรจากับ EU เพื่อให้มีการขยายกำหนดเส้นตาย Brexit เป็นวันที่ 31 ม.ค. 2563 จากเดิมวันที่ 31 ต.ค. หากนายจอห์นสันไม่สามารถยื่นข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาและได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 19 ต.ค.
อย่างไรก็ตาม นายจอห์นสันคัดค้านการเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเส้นตาย Brexit และคาดว่าเขาจะใช้ความพยายามอีกครั้งในวันจันทร์เพื่อประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่