นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมผลักดันแผนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ตามกำหนดเส้นตายเดิมในวันที่ 31 ต.ค. นี้ แม้กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากรัฐสภาและสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมที่พากันลาออกเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อความดึงดันของเขาที่จะนำอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง หรือ No Deal Brexit
ทั้งนี้ รัฐสภาอังกฤษมีกำหนดการลงมติเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งทั่วไปตามข้อเสนอของนายจอห์นสันอีกครั้งในวันนี้ ซึ่งเขาเชื่อว่า วิธีการดังกล่าวจะทำให้ประชาชนชาวอังกฤษสามารถเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้นายจอห์นสันเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ หรือจะปูทางให้พรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านไปเจรจาเพื่อเลื่อนกำหนดเวลาการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU)
อย่างไรก็ตาม ความพยายามครั้งแรกของนายจอห์นสันที่จะผลักดันการเลือกตั้งนั้นประสบความล้มเหลวในสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยขาดคะแนนเสียงสนับสนุนอีก 136 เสียง จึงจะครบ 434 เสียงที่จำเป็นในการอนุมัติจัดการเลือกตั้ง
ต่อมาในวันศุกร์ สภาขุนนางของอังกฤษได้อนุมัติร่างกฎหมายป้องกัน no-deal Brexit และเตรียมถวายร่างกฎหมายดังกล่าวให้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงลงพระปรมาภิไธยต่อไป
กฎหมายฉบับนี้จะทำให้นายจอห์นสันต้องเจรจากับ EU เพื่อให้มีการขยายกำหนดเส้นตาย Brexit เป็นวันที่ 31 ม.ค. 2563 จากเดิมวันที่ 31 ต.ค. หากนายจอห์นสันไม่สามารถยื่นข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาและได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 19 ต.ค.
หากเขาพ่ายแพ้ในการลงมติวันนี้ หรือถ้าเขาแพ้การเลือกตั้งที่อาจจะมีขึ้น เขาก็จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ
ที่ผ่านมา นายจอห์นสันยืนยันว่า อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค.แม้ไม่มีการทำข้อตกลงก็ตาม และเขาจะไม่ขอให้ EU เลื่อนกำหนด Brexit ออกไปอีก ซึ่งถ้าหากสมาชิกรัฐสภาเรียกร้องให้มีการขยายเส้นตาย Brexit ออกไป ก็จะเป็นการทำลายจุดยืนของอังกฤษในการเจรจากับ EU