สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษออกแถลงการณ์ยืนยันว่า รัฐสภาอังกฤษจะปิดสมัยประชุมในวันนี้ หลังจากที่มีการลงมติต่อญัตติของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับการยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่
นายจอห์นสันเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในรัฐสภาในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่สมาชิกสภาสามัญชน หรือสภาล่างของอังกฤษ ลงมติด้วยคะแนนเสียงเพียง 298 เสียงเห็นชอบต่อญัตติของนายจอห์นสันในการประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 15 ต.ค. ขณะที่ 56 เสียงไม่เห็นชอบ ส่วนสมาชิกพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน พร้อมใจกันงดออกเสียง
ทั้งนี้ คะแนนเสียงเห็นชอบต่อญัตติดังกล่าวยังคงต่ำกว่า 434 เสียง หรือ 2 ใน 3 จากจำนวนสมาชิกในสภาสามัญชนทั้งหมด 650 เสียง ส่งผลให้ญัตติของนายจอห์นสันตกไป
หลังจากที่สภาล่างลงมติต่อญัตติของนายจอห์นสันในวันนี้ รัฐสภาก็จะพักสมัยประชุมเป็นเวลา 5 สัปดาห์จนถึงวันที่ 14 ต.ค. ซึ่งสร้างความไม่พอใจต่อสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ โดยมองว่าเป็นแผนของนายจอห์นสันในการจำกัดสมัยประชุมสภา ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 31 ต.ค.
อย่างไรก็ดี ศาลสูงอังกฤษมีคำวินิจฉัยว่า การตัดสินใจของนายจอห์นสันในการขยายเวลาปิดสมัยประชุมสภา ไม่ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย
ทางด้านศาลสูงสกอตแลนด์ก็มีคำวินิจฉัยเช่นกันว่า การขยายเวลาปิดสมัยประชุมสภาของนายจอห์นสัน ไม่ขัดต่อกฎหมาย
ผู้พิพากษาเรย์มอนด์ โดเฮอร์ตี ระบุว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่ประเด็นที่ศาลต้องเข้าแทรกแซง เนื่องจากเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งควรได้รับการตัดสินโดยรัฐสภา และผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง โดยรัฐสภามีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดสมัยประชุมสภา
ก่อนหน้านี้ สมาชิกพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษราว 70 คนได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลสูงสกอตแลนด์ เพื่อให้ศาลวินิจฉัยว่า การที่นายจอห์นสัน ขยายเวลาปิดสมัยประชุมสภา เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยนายจอห์นสันสั่งพักสมัยประชุมสภาเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 31 ต.ค.
สมาชิกพรรคฝ่ายค้านยื่นคำร้องต่อศาลว่า นายจอห์นสันไม่มีสิทธิขอพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในการพักสมัยประชุมสภาดังกล่าว
ถึงแม้ว่าการปิดรัฐสภาก่อนการเสด็จเปิดประชุมสภาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามปกติในอังกฤษ แต่การดำเนินการดังกล่าวของนายจอห์นสันในครั้งนี้เพื่อจำกัดสมัยประชุมสภาเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ที่อังกฤษจะแยกตัวจาก EU ได้สร้างความไม่พอใจต่อสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ