ประธานาธิบดีแอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ของเม็กซิโกเปิดเผยว่า มีโอกาสน้อยลงที่รัฐบาลสหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก หลังจากทูตระดับสูงของเขาได้เข้าพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และเจ้าหน้าสหรัฐคนอื่นๆ เพื่อประเมินความคืบหน้าในการลดจำนวนผู้อพยพจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐ
ทั้งนี้ หลังจากประชุมกับนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ และได้หารือกับปธน.ทรัมป์ที่วอชิงตันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายมาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเม็กซิโกคาดว่า จำนวนผู้อพยพเข้าสู่สหรัฐผ่านทางเม็กซิโกนั้นจะลดลงอีก
นายโลเปซ โอบราดอร์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การประชุมล่าสุดมีท่าทีที่อ่อนลงกว่าในเดือนมิ.ย.เมื่อเม็กซิโกเห็นด้วยกับมาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการควบคุมผู้อพยพเพื่อแลกกับการหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐสำหรับสินค้าส่งออกของเม็กซิโก และจะทบทวนความคืบหน้าใน 90 วัน
นายโลเปซ โอบราดอร์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สหรับเคยแสดงท่าทีที่แข็งกร้าว แต่การประชุมครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิม โดยมีการยอมรับว่า เม็กซิโกได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว
ปธน.เม็กซิโกทวีตในเวลาต่อมาว่า เขามีการสนทนาทางโทรศัพท์ที่เป็นไปด้วยดีกับปธน.ทรัมป์ และผู้นำทั้งสองได้ยืนยันความปรารถนาที่จะรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือกัน
ด้านปธน.ทรัมป์ก็ยืนยันว่า การหารือทางโทรศัพท์เป็นไปในเชิงบวก โดยทวีตว่า เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์ที่ดีเยี่ยมกับประธานาธิบดีของเม็กซิโกเกี่ยวกับความมั่นคงในชายแดนภาคใต้ และประเด็นอื่นๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันสำหรับประชาชนของทั้งสองประเทศ