นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า เขาไม่ได้ถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กดดันเพื่อให้มีการตรวจสอบนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน
"ผมไม่ต้องการมีส่วนพัวพันกับการเลือกตั้งในสหรัฐ โดยเรามีการสนทนาที่ดี ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เราพูดคุยกันถึงหลายเรื่อง โดยไม่มีใครกดดันผม" นายเซเลนสกีกล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ทำการเผยแพร่รายงานของผู้แจ้งเบาะแสรายหนึ่งที่ได้กล่าวโทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กรณีติดต่อรัฐบาลต่างชาติเพื่อให้แทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
รายงานดังกล่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้ใช้อำนาจขณะดำรงตำแหน่งเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลต่างชาติเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2563
รายงานฉบับนี้ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการที่ปธน.ทรัมป์ได้โทรศัพท์หานายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ซึ่งปธน.ทรัมป์ได้กดดันให้นายเซเลนสกีทำการสอบสวนนายไบเดน และบุตรชาย
ทั้งนี้ นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย
ทางด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศการเริ่มกระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ เพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายเซเลนสกี เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายไบเดน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ