รายงานของผู้แจ้งเบาะแสที่เปิดเผยในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อรัฐบาลสหรัฐด้วยการพยายามเรียกร้องให้ยูเครนเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐปี 2563 เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของเขา แต่ทำเนียบขาวยังพยายามที่จะปกปิดหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวด้วย
ในรายงานที่เปิดเผยโดยคณะกรรมาธิการสภาคองเกรสที่นำโดยพรรคเดโมแครตนั้น ผู้แจ้งเบาะแสระบุว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้เข้าแทรกแซงเพื่อเปลี่ยนแปลงบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.ของยูเครนจากระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งตามปกติจะถูกเก็บรักษาไว้
รายงานระบุว่า แทนที่จะมีการบันทึกการถอดเสียงลงในระบบอิเล็กทรอนิกส์แยกต่างหากที่ใช้ในการจัดเก็บและจัดการข้อมูลลับในลักษณะที่ละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ แต่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งอธิบายว่า การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพราะการสนทนาทางโทรศัพท์ดังกล่าวไม่ได้มีสิ่งใดที่อ่อนไหวเมื่อพิจารณาในมุมมองของความมั่นคงแห่งชาติ
แหล่งข่าวสองแหล่งที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนการร้องเรียนของผู้แจ้งเบาะแสได้ระบุว่า ผู้ที่แจ้งเบาะแสเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) และได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ทำเนียบขาว ขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ระบุเช่นกันว่า ผู้แจ้งเบาะแสเป็นเจ้าหน้าที่ CIA
ส่วนบันทึกเสียงที่หนังสือพิมพ์ลอส แองเจลิส ไทม์ส ได้รับจากผู้เข้าร่วมประชุมรายหนึ่งระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่จากคณะทำงานของสหรัฐประจำสหประชาชาติ (UN) ว่า เขาต้องการที่จะรู้ว่า ใครเป็นคนให้ข้อมูลกับผู้แจ้งเบาะแส เพราะการทำเช่นนั้น แทบไม่ต่างจากการเป็นสายลับ