นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ออกปฎิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เขาถูกกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ให้สอบสวนนายโจ ไบเดน คู่แข่งคนสำคัญในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563 พร้อมระบุว่าเขาไม่มีอำนาจอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ
"ผมไม่เคยถูกกดดันและไม่เคยอยู่ภายใต้เงื่อนไขใดให้ต้องทำ เพียงเพื่อจะให้ได้มาซึ่งการพบปะกับปธน.ทรัมป์หรือทำข้อตกลงด้านการขายอาวุธ" นายเซเลนสกีกล่าวสัมภาษณ์แก่สำนักข่าวเกียวโด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์แก่สื่อต่างประเทศเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่นำไปสู่กระบวนถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐ
นายเซเลนสกีกล่าวว่า อัยการยูเครนจะจัดการตามคำร้องขอของสหรัฐเพื่อให้ความร่วมมือในการสืบสวน "ตามกฎหมายของเรา" ถ้าหากข้อเรียกร้องเหล่านั้นปฎิบัติตาม "กฎหมายระหว่างประเทศ"
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้แจ้งเบาะแสว่า ปธน.ทรัมป์ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และคู่แข่งของปธน.ทรัมป์ ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศเริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย