นายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี กล่าวในวันนี้ว่า ตุรกีหวังว่ากลุ่มนักรบชาวเคิร์ด (YPG) จะเดินทางออกจากพื้นที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นเขตปลอดภัย หรือ เซฟโซน ตามข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว ภายใน 120 ชั่วโมง
"YPG ควรออกจากพื้นที่ที่เรากำหนดให้เป็นเขตปลอดภัย" นายเออร์โดกันกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่อิสตันบลู พร้อมระบุว่า เขามีแผนที่จะขยายเขตเซฟโซนออกไปให้กว้างขึ้นอีก 32 กิโลเมตร และยาวอีก 444 กิโลเมตร
"แล้วเราจะได้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป" นายเออร์โดกันระบุ และย้ำว่า ทหารตุรกีจะไม่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ที่อยู่ในข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวที่ทำไว้กับสหรัฐเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ตาม นายเออร์โดกันได้แสดงท่าทีเมินเฉยต่อข่าวลือที่ว่ามีการปะทะเกิดขึ้นในเขตเซฟโซน หลังจากที่ตุรกีและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวร่วมกันแล้ว
นอกจากนี้ ผู้นำตรุกีซึ่งมีกำหนดการพบปะกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่เมืองโซซีของรัสเซีย ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า "การพบกับปธน.ปูติน จะเป็นอีกกระบวนการสำคัญของเรื่องนี้"
ทั้งนี้ กองทัพตุรกีได้เปิดฉากโจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังชาวเคิร์ดในพื้นที่ตอนเหนือของซีเรียมาตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีพลเมืองและนักรบกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) เสียชีวิตจำนวนมาก โดยกองกำลังชาวเคิร์ดเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐในการต่อสู้กับกลุ่ม IS ขณะที่ตุรกีมองว่ากลุ่มนักรบชาวเคิร์ดเป็นผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ดี นานาประเทศทั่วโลกซึ่งรวมถึงสหรัฐ ได้พยายามกดดันรัฐบาลตุรกีให้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ตอนเหนือของซีเรีย
เมื่อวานนี้ สหรัฐและตุรกีได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในพื้นที่ตอนเหนือของซีเรีย และกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตปลอดภัย หรือ เซฟโซน เป็นเวลา 5 วัน เพื่อให้กลุ่มนักรบชาวเคิร์ด ถอนกำลังออกจากพื้นที่ตอนเหนือของซีเรีย ขณะที่ฝ่ายตุรกีจะหยุดปฏิบัติการ Operation Peace Spring เพื่อเปิดทางให้กลุ่มนักรบชาวเคิร์ดถอนกองกำลังออกจากเซฟโซนภายใน 120 ชั่วโมง