คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐ (FCC) มีแผนการที่จะจัดการลงมติเพื่อกำหนดให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ และบริษัท ZTE ของจีน เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เพื่อห้ามมิให้ลูกค้าที่เป็นผู้ให้บริการในประเทศนำเงินอุดหนุนด้านการพัฒนาเครือข่าย 5G ของรัฐบาลวงเงิน 8.5 พันล้านดอลลาร์ ไปใช้ในการซื้อสินค้าและบริการจากบริษัททั้งสองแห่ง
นอกจากนี้ FCC ยังมีแผนจะสั่งการผู้ให้บริการในประเทศเปลี่ยนและเลิกใช้อุปกรณ์จากทั้งสองบริษัทด้วย
สื่อต่างประเทศรายงานว่า FCC กำลังเตรียมดำเนินการดังกล่าวในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 19 พ.ย.นี้ โดยคาดว่าจะมีการสอบถามถึงต้นทุนในการยกเลิกหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เป็นของบริษัทหัวเว่ยและ ZTE ซึ่งถูกใช้งานอยู่ในเครือข่าย มาเป็นอุปกรณ์ของผู้ให้บริการรายอื่น เพื่อพิจารณาการจัดทำโครงการมอบเงินชดเชยการถอดอุปกรณ์ของทั้งสองบริษัทออกจากเครือข่ายต่อไป
นายอาจิด ไพ ประธาน FCC กล่าวว่า "ในขณะที่สหรัฐกำลังพัฒนาเครือข่ายในประเทศให้เป็นเทคโนโลยีไร้สายยุคใหม่อย่าง 5G เราไม่อาจปฏิเสธได้ถึงความเสี่ยงที่ว่า จีนอาจกำลังหาทางเข้าถึงช่องโหว่ในเครือข่ายของเราเพื่อทำการสอดแนม หรือแม้กระทั่งปล่อยมัลแวร์และไวรัสเข้ามาเพื่อสร้างความเสียหายให้กับเรา"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของสหรัฐ ที่ต้องการกีดกันบริษัทเทคโนโลยีของจีนให้เข้ามาทำธุรกิจกับบริษัทในประเทศ ด้วยเหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยออกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่ผลิตโดยหัวเว่ย เทคโนโลยี่ และ ZTE ของจีนมาแล้ว