สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐรายหนึ่งระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน อาจไม่มีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่ประเทศชิลีในเดือนหน้า
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า การที่ผู้นำทั้งสองไม่มีการลงนามในข้อตกลงการค้าในเดือนหน้า มีสาเหตุจากการที่ทั้งสองฝ่ายยังคงต้องใช้เวลาในการเจรจามากขึ้น
รายงานข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์สวนทางกับทำเนียบขาวที่ได้แถลงก่อนหน้านี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกนอกรอบการประชุมเอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16-17 พ.ย.
อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวระบุว่า กำหนดวันในการลงนามข้อตกลงของผู้นำทั้งสองยังคงไม่มีความชัดเจน
ทางด้านหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงจะลงนามในข้อตกลงการค้าในวันที่ 17 พ.ย. "หากทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่น"
เมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนก่อนการประชุมเอเปค
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เนื้อหาส่วนใหญ่ในข้อตกลงการค้าดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับภาคเกษตร และภาคธนาคาร
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนกำลังเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกตามที่ปธน.ทรัมป์ประกาศในวันที่ 11 ต.ค. ขณะที่ปธน.ทรัมป์กล่าววานนี้ว่า ตามกำหนดเดิมนั้น เขาและปธน.สี จิ้นผิงจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในการประชุมเอเปคที่ชิลีในวันที่ 16-17 พ.ย. อย่างไรก็ดี ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในชิลีอาจเป็นอุปสรรคต่อการลงนามดังกล่าว
ทางด้านนายหวัง โชวเหวิน รมช.พาณิชย์จีน กล่าวในวันนี้ว่า จีนจะยกเลิกข้อจำกัดต่อนักลงทุนต่างชาติ และจะไม่มีการบังคับให้บริษัทต่างชาติทำการถ่ายโอนเทคโนโลยีแก่จีน
ทั้งนี้ การบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยีถือเป็นความขัดแย้งทางการค้าที่สำคัญระหว่างสหรัฐและจีน
"เราจะเร่งดำเนินการในการเปิดเสรีภาคการเงิน และจะยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดในด้านธุรกิจต่อธนาคารต่างชาติ, บริษัทหลักทรัพย์ และผู้จัดการกองทุนต่างชาติ และจะมีการปรับนโยบายเพื่อรับประกันว่านักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนภายในประเทศมีโอกาสที่เท่าเทียมกันในการผลิตรถยนต์พลังงานทดแทน ซึ่งมาตรการใหม่จะทำให้การลงทุนจากต่างชาติมีเสถียรภาพ และสร้างสภาวะการลงทุนที่โปร่งใส" นายหวังกล่าว