เจ้าหน้าจากคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐ (FCC) และรัฐบาลของสหรัฐ ร่วมหารือในประเด็นภัยคุกคามจากการใช้งานอุปกรณ์โทรคมนาคมของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ และ ZTE จากจีน ซึ่งถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลจีนจะใช้ในการโจรกรรมข้อมูล ก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ และขโมยทรัพย์สินทางปัญญา
นางเจสสิกา โรเซนวอร์เชล สมาชิก FCC เปิดเผยในรายงานเรื่องความมั่นคงของโครงข่าย 5G ซึ่งยื่นต่อที่ประชุมคณะกรรมการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและกิจการภาครัฐว่า "ประเทศที่จะเป็นเจ้าของโครงข่าย 5G ซึ่งจะได้ครอบครองนวัตกรรมและผู้กำหนดมาตรฐานให้กับประเทศอื่นๆทั่วโลกในตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่สหรัฐ"
ขณะเดียวกัน นายแกรี่ ปีเตอร์ส วุฒิสมาชิกจากมิชิแกนและคณะกรรมการระดับสูงของพรรคเดโมแครต ก็กล่าวในที่ประชุมเดียวกันนี้ว่า "การใช้อุปกรณ์จากบริษัทจีนอย่างหัวเว่ยและ ZTE จะนำมาซึ่งความเสี่ยงร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ และอาจเป็นช่องโหว่ให้จีนสามารถเข้าถึงเครือข่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ความได้เปรียบด้านการพัฒนาอุปกรณ์ 5G ของจีนจึงเป็นอันตรายต่อทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคงของเรา"
ทั้งนี้ FCC มีกำหนดจัดการลงมติเพื่อกำหนดให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ และบริษัท ZTE ของจีน เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เพื่อห้ามมิให้ลูกค้าที่เป็นผู้ให้บริการในประเทศนำเงินอุดหนุนด้านการพัฒนาเครือข่าย 5G ของรัฐบาลวงเงิน 8.5 พันล้านดอลลาร์ ไปใช้ในการซื้อสินค้าและบริการจากบริษัททั้งสองแห่ง ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 19 พ.ย.นี้