องค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยว่า UN ยังคงเดินหน้าบังคับใช้ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาโลกร้อน แม้ว่าสหรัฐจะประกาศถอนตัวก็ตาม
"ความมุ่งมั่นของเราเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าในการเดินหน้าความตกลงปารีสยังไม่เปลี่ยนแปลง" นายสเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) กล่าวในระหว่างการแถลงต่อสื่อมวลชน
"UN จะยังคงสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน เพื่อเพิ่มความมุ่งมั่นในการเอาชนะและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" นายดูจาร์ริคกล่าว
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สหรัฐประกาศเริ่มกระบวนการถอนตัวออกจากความตกลงปารีสอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศเมื่อ 3 ปีที่แล้วว่า มีแผนจะถอนตัวออกจากความตกลงดังกล่าว โดยกล่าวว่าความตกลงดังกล่าวไม่ยุติธรรมกับสหรัฐ
"สหรัฐได้ยื่นขอถอนตัวออกจากความตกลงปารีสอย่างเป็นทางการแก่ UN แล้ว การถอนตัวจะมีผล 1 ปีให้หลังนับจากวันที่ยื่นขอถอนตัว" นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ โดยระบุว่า การถอนตัวจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งต่อไป
การประกาศดังกล่าวมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อความพยายามที่จะรับมือภาวะโลกร้อนทั่วโลก แม้ว่าทั่วโลกจะตื่นตัวเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อนหลังจากนางสาวเกรตา ธันเบิร์ก สาวน้อยจากสวีเดนได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน รวมถึงการเรียกร้องให้หยุดเรียนทุกสุดสัปดาห์เพื่อประท้วงการเพิกเฉยการแก้ปัญหาโลกร้อน
ความตกลงปารีสมีขึ้นในเดือนธ.ค. 2558 โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกให้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียสก่อนยุคอุตสาหกรรม เพื่อควบคุมการเกิดภัยแล้ง น้ำท่วม น้ำแข็งละลาย ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง และผลกระทบอื่นๆจากภาวะโลกร้อน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในเดือนมิ.ย. 2560 ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศการตัดสินใจที่จะนำสหรัฐถอนตัวออกจากความตกลงปารีสที่ได้มีการเจรจากันในยุคของประธานาธิบดีบารัก โอบามา โดยปธน.ทรัมป์อ้างว่าความตกลงดังกล่าวเป็นการตั้งเป้าหมายที่ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ด้วยการให้สหรัฐลดการปลดปล่อยคาร์บอนในขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น จีน ซึ่งเป็นผู้ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดในโลกนั้น ได้รับอนุมัติให้ปลดปล่อยคาร์บอนได้โดยไม่มีข้อจำกัดเป็นเวลาหลายปี