สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยบันทึกคำให้การของพยานอีก 2 คนเกี่ยวกับการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในกรณีกดดันยูเครนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง
คำให้การดังกล่าวมาจากนายกอร์ดอน ซอนด์แลนด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหภาพยุโรป (EU) และนายเคิร์ต วอลเกอร์ อดีตทูตพิเศษประจำยูเครนของคณะบริหารของปธน.ทรัมป์ โดยทั้งคู่เป็นพยานที่สำคัญในการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์ในคดีฟ้องร้องทำเนียบขาวที่พยายามจะระงับความช่วยเหลือทางทหารเพื่อกดดันให้ยูเครนสอบสวนคดีการทุจริตของอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน และบุตรชายของเขา
นายซอนด์แลนด์ ได้เปิดเผยคำให้การเพิ่มเติมต่อคณะผู้สอบสวนของสภาผู้แทนฯ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยระบุว่า เขาจำได้ว่า มีการสนทนาในกรุงวอร์ซอกับผู้ช่วยระดับสูงของนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ซึ่งนายซอนด์แลนด์ได้กล่าวในขณะนั้นว่า การเริ่มต้นความช่วยเหลือทางทหารอีกครั้งจะไม่เกิดขึ้น จนกว่ายูเครนจะส่งดำเนินการสอบสวนการทุจริตของนายไบเดนและบุตรชาย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายซอนด์แลนด์ได้ให้การเมื่อเดือนที่แล้วว่า นายรูดี จูลีอานี ทนายความส่วนตัวของปธน.ทรัมป์ได้ระบุย้ำในการสนทนาของพวกเขาถึงบริษัทบูริสมา ซึ่งเป็นบริษัทก๊าซของยูเครนที่มีนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของนายโจ ไบเดน ทำหน้าที่เป็นกรรมการบริหาร ขณะที่นายซอนด์แลนด์กล่าวเสริมว่า นายจูลีอานีไม่เคยเอ่ยถึงพ่อลูกตระกูลไบเดน
ส่วนนายวอลเกอร์ยอมรับในคำให้การว่า เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐกับรัฐบาลยูเครน และเขาระบุด้วยว่า "ไม่เคยได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น" ในเรื่องที่สหรัฐระงับความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครน
นายวอลเกอร์ระบุด้วยว่า เป็นเรื่องถูกต้องที่ไม่มีการสื่อสารกับเขาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนใดๆ ระหว่างสองรัฐบาล
ด้านนายอดัม ชิฟฟ์ ประธานคณะกรรมการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐทวีตเมื่อวันอังคารว่า คำให้การของนายซอนด์แลนด์ และนายวอลเกอร์ "แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในความพยายามของปธน.ทรัมป์ที่จะกดดันให้ยูเครนตอบสนองเป้าหมายทางการเมืองส่วนตัวของเขา"