ผลการสำรวจพบว่า กระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในสภาคองเกรสสหรัฐแทบไม่ส่งผลกระทบต่อมุมมองของชาวอเมริกัน โดยยังคงมีความเห็นที่ก้ำกึ่งกันต่อการถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ ผลสำรวจ NPR/PBS NewsHour/Marist พบว่า ผู้ลงคะแนนเสียงจำนวน 48% คัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ขณะที่ 47% ให้การสนับสนุน
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังระบุว่า นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นตัวเก็งที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งไพรมารีของพรรคเดโมแครต ตามมาด้วยวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์
คณะกรรมาธิการตุลาการประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติ 23-17 เสียงให้ความเห็นชอบต่อข้อหาถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันศุกร์ ส่งผลให้สภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะจะพิจารณาข้อหาดังกล่าวในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะทำให้ปธน.ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐรายที่ 3 ที่จะถูกสภาคองเกรสพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ 2 ข้อหาในการถอดถอนปธน.ทรัมป์ ได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสภาคองเกรส
คาดว่าสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติต่อข้อหาดังกล่าวในวันพุธนี้ และหากสภาผู้แทนราษฎรเห็นพ้องกันว่าปธน.ทรัมป์มีการใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสภาคองเกรส วุฒิสภาสหรัฐก็จะรับหน้าที่ไต่สวนปธน.ทรัมป์ในเดือนหน้า
อย่างไรก็ดี การที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทำให้ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มรอดพ้นจากการถูกถอดถอนในครั้งนี้
ทั้งนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้เริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนต.ค. หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย