นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวเปิดการอภิปรายในญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันนี้
"ดิฉันขอเปิดการอภิปรายในญัตติถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งหากเราไม่ดำเนินการในขณะนี้ ก็จะถือว่าเราได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่"
"ในวันนี้เรามา ณ ที่นี้เพื่อปกป้องประธิปไตยเพื่อประชาชน สิ่งที่เราจะหารือกันในวันนี้คือการกล่าวถึงความจริงที่ว่า ท่านประธานาธิบดีได้ละเมิดรัฐธรรมนูญ และเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ และบูรณภาพของการเลือกตั้งของเรา ซึ่งเป็นรากฐานประชาธิปไตยของเรา" นางเพโลซีกล่าว
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะใช้เวลา 6 ชั่วโมงในวันนี้ในการอภิปรายญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใน 2 ข้อหา ได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส ทำให้ปธน.ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐรายที่ 3 ที่จะถูกสภาคองเกรสพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง
กระบวนการถอดถอนในสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้เริ่มขึ้นในเวลา 09.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย โดยจะเริ่มด้วยการอภิปราย จนกระทั่งมีการลงมติต่อ 2 ข้อหาที่มีการกล่าวหาปธน.ทรัมป์ โดยการลงมติดังกล่าวจะอยู่ในช่วงเวลา 18.30-19.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือพรุ่งนี้เช้าเวลา 06.30-07.30 น.ตามเวลาไทย
มีการคาดการณ์กันว่า สมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติเห็นชอบต่อการถอดถอนปธน.ทรัมป์ ขณะที่สมาชิกส่วนใหญ่ของพรรครีพับลิกันจะคัดค้านการถอดถอน
อย่างไรก็ดี นายเจฟฟ์ แวน ดรูว์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครตจากรัฐนิวเจอร์ซีย์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาจะโหวตคัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์ ก่อนที่เขาจะย้ายไปสังกัดพรรครีพับลิกัน
นอกจากนี้ นายจัสติน อาแมช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐมิชิแกน ได้ลาออกจากพรรครีพับลิกัน เนื่องจากเขาสนับสนุนการถอดถอนปธน.ทรัมป์
ส่วนนายจาเรด โกลเดน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครตจากรัฐเมน ระบุว่า เขาจะโหวตเห็นชอบต่อข้อหาการใช้อำนาจในทางมิชอบของปธน.ทรัมป์ แต่จะโหวตคัดค้านข้อหาขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส
หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่ลงมติเห็นพ้องว่า ปธน.ทรัมป์มีการใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสภาคองเกรส วุฒิสภาสหรัฐก็จะทำการไต่สวนปธน.ทรัมป์ในเดือนหน้า
อย่างไรก็ดี การที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทำให้ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มรอดพ้นจากการถูกถอดถอนในการลงมติในวุฒิสภา
ทั้งนี้ นางเพโลซีได้เริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนต.ค. หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย