สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งสองข้อหา ซึ่งได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส ส่งผลให้ปธน.ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐรายที่ 3 ที่ถูกสภาคองเกรสพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง
หลังจากใช้เวลาในการอภิปรายเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ในที่สุด สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงมติถอดถอนปธน.ทรัมป์ในข้อหาแรก คือ การใช้อำนาจในทางมิชอบ โดยลงมติด้วยคะแนนเสียง 230 ต่อ 197 เสียง และหลังจากนั้นไม่นาน สภาผู้แทนฯมีมติด้วยคะแนนเสียง 229 ต่อ 198 ลงมติถอดถอนปธน.ทรัมป์ในข้อหาที่สอง คือการขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส
ทั้งนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย