วุฒิสภาสหรัฐเตรียมลงมติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนม.ค.ปีหน้า หลังจากสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติถอดถอนปธน.ทรัมป์ใน 2 ข้อหาเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งได้แก่ ข้อหาการใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส ส่งผลให้ทรัมป์กลายเป็นปธน.คนที่ 3 ของสหรัฐที่ถูกพิจารณาถอดถอนในขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร ถัดจาก แอนดรูว์ จอห์นสัน และ บิล คลินตัน
สำหรับข้อหาการใช้อำนาจในทางมิชอบนั้น สภาผู้แทนฯได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 230 ต่อ 197 เสียง ส่วนข้อหาการขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส สภาผู้แทนฯได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 229 ต่อ 198
หลังจากเสร็จสิ้นการลงมติแล้ว สภาผู้แทนฯสหรัฐได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป โดยทางวุฒิสภามีกำหนดลงมติในเดือนม.ค.ปีหน้า
ตามกฎหมายรัฐธรรมของสหรัฐนั้น สภาผู้แทนฯสหรัฐสามารถใช้เสียงข้างมากในการผ่านมติการถอดถอน แต่ในขั้นตอนของวุฒิสภาจะต้องใช้คะแนนเสียงถึง 2 ใน 3 ซึ่งหมายความว่า จะต้องมีวุฒิสภาชิกลงมติสนับสนุนการถอดถอนจำนวน 67 คน จากทั้งหมด 100 คน จึงจะสามารถถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งได้
อย่างไรก็ดี เนื่องจากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ แตกต่างจากสภาผู้แทนฯที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก จึงมีความเป็นไปได้ว่า ปธน.ทรัมป์อาจจะรอดพ้นจากการถูกถอดถอนในขั้นตอนของวุฒิสภา
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐพบว่า มีประธานาธิบดีสหรัฐ 2 คนที่ถูกสภาผู้แทนฯถอดถอน คือ แอนดรูว์ จอห์นสัน ในปี 2532 และบิล คลินตัน ในปี 2541 แต่ทั้งคู่รอดพ้นจากมติถอดถอนในวุฒิสภา และยังคงทำหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐต่อไป