สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงในอินเดีย หลังจากที่เกิดการประท้วงทั่วประเทศเพื่อต่อต้านกฎหมายสัญชาติอินเดียฉบับใหม่
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 14 คนจากการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างตำรวจและผู้ประท้วงนับตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่รัฐสภาอินเดียได้อนุมัติกฎหมายความเป็นพลเมืองฉบับใหม่ที่มีการโต้แย้งกันอย่างมาก โดยนักวิจารณ์ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นการเลือกปฏิบัติกับชาวมุสลิม และทำลายหลักการในรัฐธรรมนูญของประเทศ
ทั้งนี้ กฎหมายสัญชาติ (citizenship law) จะใช้กับผู้อพยพที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามที่มาจากประเทศปากีสถาน อัฟกานิสถาน และบังกลาเทศ ซึ่งถูกข่มเหงรังแกจากการนับถือศาสนา
ผู้อพยพเหล่านั้นรวมถึงผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู, คริสต์, พุทธ, ซิกข์, เชน และชาวปาร์ซีซึ่งนับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ ถ้าผู้อพยพดังกล่าวเดินทางเข้ามาในอินเดียอย่างผิดกฎหมาย และสามารถพิสูจน์ได้ว่า พวกเขามาจาก 1 ใน 3 ประเทศดังกล่าว พวกเขาก็จะได้รับสัญชาติอินเดีย
กลุ่มสิทธิชาวมุสลิมหลายกลุ่มทั่วประเทศและพรรคฝ่ายค้านระบุว่า กฎหมายสัญชาติเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิชาตินิยมฮินดูของนายกรัฐมนตรีโมดี และเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการลดความสำคัญของชาวมุสลิมลง
ด้านนายโมดีปฏิเสธเรื่องนี้ โดยเขาระบุว่า ชาวมุสลิมไม่ได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายใหม่นี้ เพราะว่า พวกเขาไม่ได้เป็นชนกลุ่มน้อยทางศาสนา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองจากอินเดีย
ผู้ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้โต้แย้งว่า ถ้ากฎหมายนี้มีจุดประสงค์ในการปกป้องชนกลุ่มน้อยอย่างแท้จริง ก็ควรจะครอบคลุมถึงชาวมุสลิมกลุ่มน้อยที่เผชิญกับการถูกข่มเหงรังแกในประเทศของตัวเอง อย่างชาวอาห์มาดีในปากีสถาน เป็นต้น
พวกเขาระบุด้วยว่า กฎหมายนี้ยังละเมิดหลักการในรัฐธรรมนูญซึ่งได้ห้ามการเลือกปฏิบัติทางศาสนาต่อพลเมืองทุกคน