คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีมติเห็นชอบให้รัฐบาลส่งกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล (MSDF) ไปยังตะวันออกกลางเพื่อดำเนินการรวบรวมข้อมูลที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับการเดินเรือบริเวณเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การมอบความช่วยเหลือเพื่อสันติภาพในตะวันออกกลางของญี่ปุ่นครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ภูมิภาคกำลังเผชิญความตึงเครียดอย่างหนักจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่านในประเด็นเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 โดยสหรัฐกล่าวหาว่าอิหร่านได้ทำการโจมตีบ่อน้ำมันหลายแห่ง
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรคุ้มกันการเดินเรือบริเวณช่องแคบฮอร์มุซที่นำโดยสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายความสัมพันธ์ฉันมิตรที่มีอยู่กับอิหร่าน ในขณะที่สหรัฐได้ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 และใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพื่อเป็นการลงโทษอิหร่าน
การลงมติครั้งนี้ ส่งผลให้ญี่ปุ่นสามารถส่งเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินลาดตระเวน P-3C พร้อมเจ้าหน้าที่ประมาณ 260 คน ไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อร่วมภารกิจ "การสำรวจและวิจัย" เป็นเวลา 1 ปีได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอการอนุมัติจากรัฐสภา
แหล่งข่าวจากรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาว่าการดำเนินการจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนม.ค. หลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ภารกิจดังกล่าวได้ถูกกำหนดขอบเขตไว้ในอ่าวโอมาน ทางตอนเหนือของทะเลอาหรับ และช่องแคบมันเดบที่เชื่อมต่อทะเลแดงเข้ากับอ่าวเอเดน โดยไม่รวมถึงช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นพื้นที่ที่กำลังเป็นประเด็นระหว่างสหรัฐและอิหร่าน
ด้านประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานีของอิหร่าน ก็ได้ตอบรับแผนการส่งกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่นไปยังน่านน้ำในตะวันออกลางตามแผนที่วางไว้ระหว่างการหารือกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น เมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว แหล่งข่าวระบุ