กลุ่มแนวร่วมสิทธิมนุษยชนพลเรือน (CHRF) เปิดเผยว่า ในวันนี้มีผู้ร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงกว่า 1.03 ล้านคน เมื่อคำนวณจากยอดการนับจำนวนจนถึงเวลา 18.15 น. ตามเวลาฮ่องกง และเปรียบเทียบกับยอดผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลที่กลายเป็นประเด็นทั่วโลก
CHRF ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจคลาดเคลื่อน เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งให้หยุดการชุมนุมก่อนกำหนด หลังผู้ประท้วงหัวรุนแรงบางรายได้ปะทะกับตำรวจ
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงประเมินไว้ว่ามีผู้ชุมนุมเพียง 60,000 รายที่สนามหญ้าในสวนสาธารณะวิคตอเรียปาร์ค แต่ทาง CHRF ระบุว่าตัวเลขจากตำรวจไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะไม่ได้นับรวมพื้นที่อื่น ๆ นอกสวนสาธารณะดังกล่าว
ทั้งนี้ การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงได้เข้ามาสู่เดือนที่ 7 แล้ว โดยนับตั้งแต่ที่ชาวฮ่องกงได้เปิดฉากการประท้วงเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ทางการฮ่องกงได้จับกุมผู้ประท้วงไปแล้วกว่า 6,540 ราย
ผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้องทั้งหมด 5 ประการ ขณะที่บางส่วนได้เรียกร้องให้นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ลาออกจากตำแหน่ง
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงก๊าซน้ำตาใส่ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งที่กำลังทำลายทรัพย์สินที่ธนาคารเอชเอสบีซีสาขาหนึ่ง
สำนักข่าวซินหัว ซึ่งเป็นสำนักข่าวของรัฐบาลจีน รายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงสวมหน้ากากได้ทำลายทรัพย์สินที่ธนาคารเอชเอสบีซีสาขาหนึ่งบนถนนเฮนเนสซี่ โดยผู้ประท้วงได้ทุบกระจกจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังได้เทสีแดงลงบนรูปปั้นสิงโตบริเวณอาคารสำนักงานใหญ่ของธนาคารเอชเอสบีซีด้วย
รายงานข่าวระบุว่า นอกเหนือจากธนาคารเอชเอสบีซีแล้ว ผู้ประท้วงยังได้ทำลายทรัพย์สินที่อาคารของบริษัทไชน่า ไลฟ์ อินชัวรันส์ รวมไปถึงร้านสตาร์บัคส์สาขาหนึ่ง
โฆษกรัฐบาลฮ่องกงได้ขอให้ประชาชนอย่าเข้าร่วมกิจกรรมที่ผิดกฎหมายและรุนแรง พร้อมเน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่