กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ (DHS) ออกแถลงการณ์แจ้งเตือนชาวอเมริกัน ให้เตรียมพร้อมรับการจู่โจมทางไซเบอร์ อีเมลต้องสงสัย และเครือข่ายที่ล่าช้า หลังสถานการณ์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านเข้าสู่สภาวะตึงเครียด
แถลงการณ์ระบุว่า สถานการณ์ภัยคุกคามจากการก่อการร้ายล่าสุด เกิดขึ้นหลังปฏิบัติการทางโจมตีทางอากาศต่อท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในช่วงเช้าวันศุกร์ ส่งผลให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่านเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม DHS ระบุว่าปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ
ทั้งนี้ แถลงการณ์อ้างว่า อิหร่านมีโครงการไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง และสามารถทำการโจมตีทางไซเบอร์ต่อสหรัฐได้ โดยการโจมตีของอิหร่านจะสามารถรบกวนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐได้เป็นการชั่วคราว
นอกจากนี้ DHS ยังเตือนด้วยว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงในสหรัฐอาจทำการจู่โจมด้วยตนเองโดยไม่มีการแจ้งเตือนได้
แชด วูล์ฟ รักษาการเลขาธิการ DHS ทวีตข้อความว่า DHS กำลังตรวจตราและเตรียมพร้อมสำหรับภัยคุกคามที่เฉพาะเจาะจงและน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในหลายเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐ เช่น วอชิงตัน ดี.ซี. นิวยอร์ก ชิคาโก ฟิลาเดลเฟีย และลอสแอนเจลิส ได้มีกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านสงครามออกมาชุมนุมกัน โดยแนวร่วม Act Now to Stop War and End Racism ซึ่งเป็นผู้จัดการชุมนุมได้ออกแถลงการณ์ว่า "สำหรับทุกคนที่เชื่อในสันติ สำหรับทุกคนที่ต่อต้านสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น นี่เป็นเวลาที่ต้องออกมาเคลื่อนไหวแล้ว"
ทั้งนี้ สหรัฐได้ใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศต่อท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในช่วงเช้าวันศุกร์ ส่งผลให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน และนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้นำกองกำลังฮาชด์ชาบี (Hashd Shaabi) ของอิรัก เสียชีวิต
ทางด้านอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศพร้อมตอบโต้สหรัฐ ขณะที่นายอาเดล อับดุล มาห์ดี รักษาการนายกรัฐมนตรีอิรัก กล่าวประณามการโจมตีดังกล่าว โดยมองว่าเป็นการแสดงความก้าวร้าวต่อรัฐบาลและชาวอิรัก